YLG มองเทรนด์ราคาทองคำปี’66 สดใส มี 4 ปัจจัยสำคัญหนุน

ทองคำ

วายแอลจี สรุปภาพรวมทองคำปี 2565 เคลื่อนไหวผันผวนหนักเหวี่ยงกว่า 20% จากจุดสูงสุดที่ 2,069 ไปแตะจุดต่ำสุดที่ 1,614 ชี้ช่วงปลายปีเริ่มกลับมาสัญญาณดีโมเมนตัมต่อเนื่องถึงปี 2566 พร้อมเปิด 4 ปัจจัยหนุนสำคัญ ประเมินกรอบราคาที่ 1,879-1,916 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ส่วนราคาไทย 30,850-31,450 บาทต่อบาททองคำ แนะรอซื้อแถว 29,000-26,500 บาท แบ่งขายเมื่อมีกำไร

วันที่ 29 ธันวาคม 2565 นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดล่วงหน้า (TFEX) เปิดเผยว่า แนวโน้มปี 2566 ราคาทองคำจะเคลื่อนไหวมีโอกาสปรับขึ้นได้ค่อนข้างมาก โดยมีปัจจัยหนุนที่ต้องติดตาม 4 ปัจจัย เริ่มจาก

1.ปัจจัยด้านเศรษฐกิจสหรัฐ เพราะหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสถดถอย หากเฟดยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี หากมองย้อนไปในอดีตหากเกิดปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจส่วนใหญ่ทองคำจะให้ผลตอบแทนเป็นบวก

2.จากความกังวลเรื่องการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐ ส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่า ทิศทางนโยบายอัตราดอกเบี้ยของเฟดอาจจะเปลี่ยนไปคือปรับขึ้นได้น้อยลงมากกว่าที่เฟดคาด และปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น โดยคาดว่าภายในไตรมาส 4/2566 จะต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ย อีกทั้งหากเฟดลดอัตราดอกเบี้ยในปลายปีหน้า ก็จะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ซึ่งก็จะส่งผลบวกต่อราคาทองคำ

3.การเคลื่อนไหวของกองทุน SPDR ซึ่งเป็นกองทุนทองคำขนาดใหญ่ ที่เดือนตุลาคม และพฤศจิกายน 2565 กองทุน SPDR ขายทองคำน้อยลง รวมถึงเริ่มกลับมาซื้อทองคำในเดือนธันวาคม 2565 จึงเป็นสัญญาณบวกที่หนุนทองคำ

4.อย่างไรก็ดี ปัจจัยความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ก็ยังเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ แม้จะมีผลต่อการลงทุนน้อยลงแล้ว แต่ก็ยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม

สำหรับคำแนะนำการลงทุนทองคำในปี 2565 คาดระยะกลางและระยะยาว 1,879-1,916 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยราคาไทยจะอยู่ที่ประมาณ 30,850-31,450 บาทต่อบาททองคำ หากทองคำไม่ทำจุดต่ำสุดใหม่เมื่อเทียบกับปี 2565 จะทำให้ทิศทางทองคำอยู่ในเกณฑ์ที่สดใส

“ทองคำหากมีแรงซื้อมากเกินไปก็จะมีการขายทำกำไรบางส่วน จึงแนะนำนักลงทุนแบ่งขายบางส่วน อย่างไรก็ดี หากหลุด 1,766-1,729 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ 29,000-28,350 บาทต่อบาททองคำ สามารถรอซื้อที่ 1,616 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือรอซื้อประมาณ 26,500 บาทต่อบาททองคำ”

นางสาวฐิภากล่าวว่า ส่วนภาพรวมราคาทองคำในปี 2565 ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวค่อนข้างผันผวนราคาเหวี่ยงกว่า 20% โดยต้นปีราคาทองคำเปิดที่ 1,828 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และปรับไปแตะระดับสูงสุดที่ 2,069 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากข่าวรัสเซีย- ยูเครนเข้ามาเป็นปัจจัยหนุน และเริ่มปรับตัวลดลงเมื่อธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีนโยบายขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนมีนาคม ราคาทองคำจึงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จนทำจุดต่ำสุดที่ 1,614 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แต่สัญญาณทองคำกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งช่วงท้ายปี เฟดเริ่มมีท่าทีปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยน้อยลง ทำให้ทองคำเริ่มยืนเหนือ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

อย่างไรก็ดี ในปี 2565 ราคาทองคำในประเทศเคลื่อนไหวแตกต่างกับราคาทองคำต่างประเทศ เพราะค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ จึงทำให้ปีนี้นับจากต้นปีจนถึงปัจจุบัน หากใครถือทองคำในราคาไทยยังคงได้กำไรประมาณเกือบ 4%

ทั้งนี้ในปีหน้านโยบายของ YLG จะยังคงเป็น One Stop Service สำหรับการลงทุนทองคำ ที่มีทั้ง

บริการที่ 1 การออมทองสำหรับผู้เริ่มลงทุน ด้วยเงินลงทุน 100 บาท ผ่าน www.ylggoldsaving.com

บริการที่ 2 บริการซื้อขายทองคำกับ “YLG ผ่าน Gold Wallet” บนแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง”

บริการที่ 3 บริการซื้อขายทองคำแท่งส่งถึงผู้บริโภคโดยตรง มีทั้งทอง 96.5% และ 99.99% มีตั้งแต่ขนาด 0.5 กรัม ไปจนถึงขนาด 1 กิโล

บริการที่ 4 แอปพลิเคชั่น “YLG Gold Investment” แอปแรกในไทยที่ซื้อขายทองได้ 5 สกุลเงิน (ดอลลาร์, หยวน, สิงคโปร์ดอลลาร์, ยูโร, บาท) ราคาเรียลไทม์ตลอด 24 ชม. สมัครออนไลน์ได้ที่ www.ylggoldinvestment.com เพิ่มโอกาสการทำกำไรได้มากกว่า

บริการที่ 5 Gold Online Futures ลงทุนในสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า เพิ่มโอกาสทำกำไรทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง นอกจากนี้ยังจับมือกับ CME Group ตลาดซื้อขายสัญญาล่วงหน้าที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ ครอบคลุมบริการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าครบวงจร