แม่ทองสุก จ่อเข้าตลาดหุ้น หนุนสภาพคล่อง “ค้าทอง” ครบวงจร

นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ
คอลัมน์ : สัมภาษณ์พิเศษ

เชื่อไหมว่าอุตสาหกรรมทองบ้านเราดีที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถ้าพูดในระดับโลกเลย อุตสาหกรรมทองบ้านเราก็แข็งแกร่งมาก ดูจากวอลุ่มการซื้อขายในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าประเทศไทย (TFEX) ที่มี Gold Future (สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า) มีวอลุ่มชนะทุกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งการซื้อขาย Gold Future ในตลาด TFEX ทุกวันนี้ ซื้อขายต่อวันเฉลี่ยวันละ 10-25 ตัน

เป็นคำกล่าวของ “นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ” ประธานกรรมการฝ่ายบริหาร กลุ่มบริษัทในเครือเอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก (MTS) หนึ่งในผู้ค้าทองรายใหญ่ของไทยที่กล่าวไว้ในการให้สัมภาษณ์พิเศษกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงความรุ่งเรืองของอุตสาหกรรมทองคำไทย

ปักธงเข้าตลาดหุ้นภายในปี 2568

หลังเปิดดำเนินกิจการมาตั้งแต่ปี 2495 จนถึงทุกวันนี้กว่า 71 ปีแล้ว “นพ.กฤชรัตน์” กล่าวว่า ภายในไม่เกิน 2 ปีข้างหน้า หรือปี 2568 มีแผนจะนำ MTS เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างจัดโครงสร้างกิจการ ซึ่งทำได้แล้วประมาณ 70%

โดย MTS มีบริษัทลูกอยู่ 8 บริษัท ทำธุรกิจทองคำอย่างครบวงจร ทั้งธุรกิจในต่างประเทศ ส่วนในประเทศก็มีทั้งโรงงานผลิตทองคำ โรงงานสกัดทองคำ ร้านค้าปลีก-ค้าส่ง เป็นผู้นำเข้าส่งออกทองคำรายใหญ่ของไทย รวมถึงมีโปรดักต์ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

“เราจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อให้มีช่องทางระดมทุนที่หลากหลายขึ้น ทำให้ธุรกิจมีสภาพคล่องที่ดีขึ้น เพราะธุรกิจทองคำต้องใช้เงินเยอะ การเข้าตลาดหุ้นก็จะได้กู้แบงก์น้อยหน่อย จ่ายดอกเบี้ยน้อยลง แล้วตอนนี้แบรนด์เรา ตลาดโลกก็ให้การยอมรับหมดแล้ว อย่างตลาดหลักทรัพย์ฯที่เซี่ยงไฮ้ เราก็ได้รับรางวัลมาทุกปี”

แม่ทองสุก

จับเทรนด์ดิจิทัลหนุนธุรกิจโตเร็ว

โดยในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา MTS เน้นในเรื่องดิจิทัลค่อนข้างมาก เพราะเป็นเทรนด์ของโลกยุคนี้ ทำให้ปัจจุบันเน้นการเติบโตด้านออนไลน์ ไม่ได้เน้นสาขา เพราะทำให้เห็นการเติบโตที่รวดเร็วและเข้าถึงได้ง่าย อย่างการเทรดทองคำออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชั่น เป๋าตัง ที่ MTS เป็นเจ้าแรก

ปัจจุบันมีเปิดบัญชีแล้ว 1.5 แสนบัญชี และมีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 2,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยมากขึ้น เพราะเป็นการซื้อขายผ่านระบบธนาคารกรุงไทย

นอกจากนี้ ในเร็ว ๆ นี้ก็จะร่วมกับธนาคารพันธมิตรอีกแห่งหนึ่งเปิดให้บริการซื้อขายทองคำเป็นสกุลเงินบาทผ่านโมบายแอปพลิเคชั่นของแบงก์ ซึ่งคาดว่าจะได้ออกมาภายในเดือน ก.พ.นี้

ปี 2566 “กระต่ายทองคำ”

สำหรับแนวโน้มราคาทองคำปี 2566 นี้ นพ.กฤชรัตน์เชื่อว่า จะเป็น “ปีกระต่ายทองคำ” มีโอกาสที่จะได้เห็นราคาจะดีดขึ้นไป 2,075 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเดิมของปีที่แล้ว เนื่องจากแนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐลดลง

กล่าวคือ ยาที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใส่เข้าไป คือการขึ้นดอกเบี้ยเริ่มออกฤทธิ์ ทำให้เงินเฟ้อลดลง ส่งผลดีต่อทั้งตลาดหุ้น และตลาดทองคำ แล้วพอเงินเฟ้อลดลง ก็มองกันว่าเฟดจะลดความร้อนแรงในการขึ้นดอกเบี้ย โดยวันที่ 1 ก.พ.นี้ ก็คาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ยแค่ 0.25%

“การชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด การอ่อนตัวของค่าเงินดอลลาร์ และการอ่อนตัวลงของตัวเลขเงินเฟ้อ ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยพื้นฐานที่จะทำให้ทองคำขึ้น ปัจจัยอื่น ๆ ไม่ว่าจะสงครามรัสเซีย-ยูเครน เศรษฐกิจจีน หรือเศรษฐกิจไทย อันนี้เป็นปัจจัยรอง”

ทั้งนี้ แนวโน้มราคาทองคำระยะข้างหน้า “นพ.กฤชรัตน์” มั่นใจว่า เป็น “ขาขึ้น” โดยในระยะสั้นมีแนวรับสำคัญที่บริเวณ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และ 1,890 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยทาง MTS เชื่อว่าบริเวณ 1,930 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก็จะทะลุขึ้นไปได้ แล้วก็น่าจะเห็น 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในประมาณไตรมาส 2 หรือประมาณเดือนที่ 5-6

“ต้องเข้าใจว่า ปัจจัยเงินเฟ้อที่ลดลง จะค่อย ๆ ลดลง ซึ่งตัวเลขจะออกเดือนละครั้ง และการที่เฟดจะประชุม ก็จะทุก ๆ 6 สัปดาห์ ดังนั้น การที่เฟดจะชะลอลดดอกเบี้ยหรือออกฤทธิ์จริง ๆ ก็น่าจะเป็นในช่วงประมาณไตรมาส 2”

โดยต้นปีผ่านมาไม่กี่วัน ราคาทองคำโลกปรับตัวขึ้นค่อนข้างร้อนแรง จนทะลุ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้แล้ว เร็วกว่าที่คาดไว้เดิมว่าจะทะลุในไตรมาส 1 นี้ ซึ่งระยะเวลาที่เหลืออีกกว่า 300 วัน ก็มั่นใจว่าจะได้เห็นราคาทองคำดีดขึ้นไป 2,075 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ แต่จะทะลุหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเฟดที่หากมีการลดดอกเบี้ย หรือสงครามรัสเซีย-ยูเครนเกิดปะทะรุนแรง ก็จะหนุนราคาทองคำให้ทะลุจุดสูงสุดเดิมได้

แม่ทองสุก

เงินบาทแข็งค่ากดทองไทยขึ้น

“นพ.กฤชรัตน์” กล่าวด้วยว่า ในขณะที่ราคาทองคำโลกพุ่งขึ้นร้อนแรง 5% แต่ราคาทองในประเทศไทยกลับปรับขึ้นเพียง 0.7% เท่านั้น ในช่วง 2 สัปดาห์แรก หรือเพิ่มขึ้นเพียง 150 บาท เนื่องจากสถานการณ์ที่เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาอย่างรวดเร็วถึง 1.50 บาทต่อดอลลาร์

“เงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้ทองคำในประเทศขึ้นได้ไม่เยอะ โดยปกติถ้าราคาทองตลาดโลกขึ้น 5% ทองไทยควรจะขึ้นประมาณ 3-4% แต่ในครั้งนี้ทองคำไทยปรับขึ้นแค่เพียง 0.6-0.7% เท่านั้น”

ทั้งนี้ ปีที่แล้วราคาทองในประเทศมีจุดสูงสุดเดิมที่ 32,000 บาทต่อบาททองคำ อย่างไรก็ตาม ภาพรวมทั้งปีนี้ราคาทองคำแท่งน่าจะเห็นที่ 30,500 บาทได้ ซึ่งขึ้นอยู่ภาวะเศรษฐกิจไทย รวมถึงเศรษฐกิจจีนด้วย เนื่องจากหากเศรษฐกิจจีนฟื้น เงินหยวนแข็งค่า เงินบาทก็จะแข็งค่าตามไปด้วย

แนะเทรดทองสกุล “ดอลลาร์”

นักลงทุนที่มีความกังวลเรื่องค่าเงินบาทที่กดดันราคาทองคำในประเทศ “นพ.กฤชรัตน์” แนะนำว่า สามารถลงทุนทองคำเป็นสกุลดอลลาร์ในต่างประเทศได้ ผ่าน 2 โปรดักต์ คือ ลงทุนผ่านตลาด TFEX ซึ่ง MTS มีให้บริการอยู่ ลงทุนเริ่มต้น 5,000-6,000 บาท และการลงทุน gold online ผ่านแอป เป๋าตัง เริ่มต้นแค่ 6,000 บาท

“พอลงทุนเป็นดอลลาร์เทอม ก็จะได้กำไร 5% และสามารถเก็บเงินไว้ในรูปดอลลาร์ได้ ในบัญชีออมทรัพย์ของธนาคารกรุงไทย อันนี้เป็นวิธีการหนึ่งที่จะลดการขาดทุนจากการซื้อทองคำในประเทศได้” ประธานกรรมการฝ่ายบริหาร MTS กล่าว