ธนาคารกรุงไทย ประเมิน กนง.ขยับดอกเบี้ยต่อในการประชุมครั้งถัดไป หลังมีมติขยับดอกเบี้ย 0.25% มาอยู่ที่ 1.50% ต่อปี ชี้เงินเฟ้อยังมีแนวโน้มสูงในครึ่งปีแรก หลังภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวกดดันเงินเฟ้อพื้นฐานเสี่ยงค้างในระดับสูง พร้อมหนุนเศรษฐกิจโตต่อเนื่อง หลังฟื้นตัวเทียบก่อนโควิด-19
วันที่ 26 มกราคม 2566 นายฉมาดนัย มากนวล และนายชนม์นิธิศ ไชยสิงห์ทอง นักวิเคราะห์ Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ภายหลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.25% เป็น 1.50% ต่อปี ในการประชุมครั้งที่ 1/2566 โดยมีสาระสำคัญดังนี้
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ดร.วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อยู่เบื้องหลัง “บ้านกรมดิษฐ์” บ้านสวนลอยฟ้า
เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชน ภาคการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวเร็วขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการจ้างงานและการกระจายรายได้ของลูกจ้างในภาคบริการและผู้ประกอบอาชีพอิสระ และจะส่งผลดีต่อเนื่องไปยังการบริโภคภาคเอกชน ขณะที่การส่งออกสินค้ามีแนวโน้มชะลอลงในปีนี้ แต่จะฟื้นตัวในปี 2567 ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะผ่านจุดต่ำสุดในปี 2566
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มลดลง แต่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังทรงตัวในระดับสูง โดยแรงกดดันเงินเฟ้อจากด้านอุปทานทยอยคลี่คลายตามราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์โลกที่ปรับลดลง อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงอีกระยะหนึ่งก่อนจะทยอยปรับลดลง แต่มีความเสี่ยงที่จะอยู่ในระดับสูงนานกว่าคาดจากการส่งผ่านต้นทุนที่อาจเพิ่มขึ้นท่ามกลางภาวะต้นทุนที่สูงต่อเนื่อง และจากแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ส่วนอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะปานกลางยังยึดเหนี่ยวอยู่ในกรอบเป้าหมาย
มาตรการปรับโครงสร้างหนี้ควรดำเนินการอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเห็นความสำคัญของการมีมาตรการเฉพาะจุดและแนวทางแก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืนสำหรับกลุ่มเปราะบาง แม้ว่าความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนมีแนวโน้มปรับดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ฐานะการเงินของผู้ประกอบการ SMEs และครัวเรือนบางส่วนยังเปราะบางและอ่อนไหวต่อค่าครองชีพและภาระหนี้ที่สูงขึ้น ขณะที่ธนาคารพาณิชย์มีระดับเงินกองทุนและเงินสำรองที่เข้มแข็ง
ภาวะการเงินโดยรวมผ่อนคลายลดลง ต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนปรับสูงขึ้นสอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายและการสิ้นสุดมาตรการปรับลดอัตราเงินนำส่งกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF fee) แต่ปริมาณสินเชื่อและการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ยังขยายตัว ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐปรับแข็งค่าขึ้น ตามการคาดการณ์การดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ ที่อาจผ่อนคลายลง และการผ่อนคลายมาตรการเดินทางของจีนที่จะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวไทย
ทั้งนี้ Krungthai COMPASS ประเมินว่า กนง.มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องในการประชุมครั้งถัดไป โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีและอัตราเงินเฟ้อที่คาดว่าจะอยู่สูงกว่ากรอบเป้าหมายโดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มกลับเข้าสู่ระดับ Pre-COVID แล้ว และคาดว่าจะเติบโตได้ต่อเนื่องจากแรงขับเคลื่อนของภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดี
โดย กนง.คาดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 25.5 ล้านคนในปีนี้ (จากเดิมคาดไว้ที่ 22 ล้านคน) ตามการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนเป็นสำคัญ ซึ่งคาดว่าจะสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะภาคบริการให้ฟื้นตัวต่อเนื่อง และจะช่วยให้การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้ดีขึ้น
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงโดยเฉพาะช่วงครึ่งปีแรกจากราคาพลังงานเป็นสำคัญ และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ทรงตัวในระดับสูงมีความเสี่ยงที่อาจเพิ่มขึ้นได้จากการส่งผ่านต้นทุนของผู้ประกอบการท่ามกลางภาวะต้นทุนที่สูงรอบด้าน
ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ กนง.มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งถัดไปเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ สอดคล้องกับที่ กนง.ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีความเสี่ยงที่อยู่ในระดับสูงนานกว่าคาดจากการส่งผ่านต้นทุนที่อาจเพิ่มขึ้น อีกทั้งการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวจะส่งผลให้แรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์เพิ่มขึ้น
- กนง.ยัน เงินบาทแข็งค่านับตั้งแต่ต้นปี 4-5% ไม่มีสัญญาณเก็งกำไร
- กนง. มติเอกฉันท์ ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% มีผลทันที
- “กอบศักดิ์” มอง กนง. ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ต่อปี แนะ ธปท. ดูแลค่าเงิน
- EIC คาด กนง.ขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ นักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยทะลุ 4 ล้านคน
- แบงก์คาด กนง. ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ชี้เงินร้อนทยอยออก ลดกดดันบาทแข็ง