บมจ.สิวารมณ์ เรียลเอสเตท หรือ SVR ประกาศเคาะราคาไอพีโอ (IPO) 2.20 บาทต่อหุ้น พร้อมตั้งบล.โกลเบล็ก-บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เป็น Joint Lead Underwriter พร้อมด้วย บล. พาย, บล. ดาโอ และ บล.ฟินันเซีย ไซรัส เป็น Co-Underwriter เปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 31 ม.ค., 1-2 ก.พ.นี้ และพร้อมเข้าเทรดตลาด เอ็ม เอ ไอ วันที่ 8 ก.พ. 2566
วันที่ 27 มกราคม 2566 บริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ “SVR” ลงนามในสัญญาแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม (Joint Lead Underwriter) พร้อมแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน), บริษัท หลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Co-Underwriter)
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ในการเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวนไม่เกิน 130 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 25.49% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1.00 บาท โดยเสนอขายที่ระดับราคา 2.20 บาท
นายกิตติพันธ์ ภูษณวรรณ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ในฐานะเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม (Joint Lead Underwriter) ของ บมจ.สิวารมณ์ เรียลเอสเตท เปิดเผยว่า ล่าสุดได้มีการกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 130 ล้านหุ้น ที่ระดับราคาหุ้นละ 2.20 บาท
โดยกำหนดเปิดให้จองซื้อหุ้น ระหว่างวันที่ 31 มกราคม 2566, วันที่ 1-2 ก.พ.2566 โดยคาดว่าหุ้น SVR จะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2566 หมวดกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้ใช้ชื่อย่อ “SVR”
ทั้งนี้ สำหรับระดับราคา 2.20 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) ที่ 13.93 เท่า เทียบจากผลการดำเนินงานย้อนหลังตั้งแต่ 1 ต.ค. 64-30 ก.ย. 65 จากการมีโครงการที่รับรู้รายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุก ๆ ปี ประกอบกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพความแข็งแกร่งของการดำเนินธุรกิจ ดังนั้นจึงมองว่าระดับราคาดังกล่าวจึงเป็นราคาที่เหมาะสม
ชูธง หุ้นอสังหาฯน้องใหม่
หุ้น SVR เป็นหุ้นอสังหาริมทรัพย์น้องใหม่ที่น่าจับตา เนื่องจากศักยภาพความแข็งแกร่งของบริษัท ที่สามารถฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากสถาการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงแนวโน้มการเติบโตผลการดำเนินงานของ SVR ที่มีโอกาสก้าวสู่ระดับ High Growth อย่างต่อเนื่องในอนาคต
ภายใต้การขยายการลงทุนและพัฒนาโครงการใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และจากการวางกลยุทธ์ ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อที่อยู่อาศัยแนวราบทุกรูปแบบราคา 1 ถึง 7 ล้านบาท เป็นการสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการที่อยู่อาศัยจริง
โดยบริษัทมุ่งเน้นพัฒนาที่อยู่อาศัยบนพื้นที่ขนาดที่ดิน ต่อโครงการไม่เกิน 50 ไร่ เพื่อให้สามารถกระจายการพัฒนาโครงการได้ในหลากหลายพื้นที่ ที่มีความเหมาะสมกับความต้องการและไม่เกิดอุปทานส่วนเกิน ดังนั้นจากปัจจัยดังกล่าวจึงมั่นใจว่าหากเปิดให้มีการจองซื้อหุ้น SVR จะเป็นอีกหนึ่งหลักทรัพย์ในหมวดอสังหาริมทรัพย์ ที่ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี
ประสบการณ์ทำอสังหาฯแนวราบ
นายธีรศักดิ์ ทวีปิยมาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม (Joint Lead Underwriter) กล่าวว่า สำหรับจุดเด่นของ SVR ต้องยอมรับว่า เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์แนวราบน้องใหม่ และกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่เข้ามาบริหารงานอย่างมืออาชีพ
โดยมุ่งเน้นจุดขายภายใต้แนวคิด Best Smart Living ที่เป็นจุดแข็ง ทั้งแบบบ้าน ทำเลที่มีศักยภาพการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ในราคาขายที่คุ้มค่า โดยนับตั้งแต่ปี 2019-ปัจจุบัน มีการพัฒนาโครงการแล้ว 9 โครงการ แบ่งเป็นปิดการขายแล้ว 2 โครงการ, อยู่ระหว่างขาย 6 โครงการ และอยู่ระหว่างพัฒนา 1 โครงการ ซึ่งแต่ละทำเลที่ตั้งจะหลากหลายในทุกพื้นที่ อาทิ จังหวัดสมุทรปราการ บริเวณพื้นที่บางปู, ทำเลนิคมอุตสาหกรรม อย่างชลบุรีและระยอง รวมถึงอยู่ระหว่างการขยายไปในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลมากขึ้น
“มั่นใจว่าหุ้น SVR จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดี พร้อมทั้งเชื่อว่าภายหลังการเข้าจดทะเบียนในครั้งนี้ จะเป็นการเพิ่มศักยภาพความแข็งแกร่งทางการเงิน และความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทมีนโยบายบริหารจัดการอัตราหนี้สินต่อทุน ภายหลัง IPO ให้อยู่ในระดับ 2 : 1 เท่า หนุนธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งให้กับ SVR อย่างยั่งยืน ดังนั้นในฐานะ Joint Lead Underwriter มองว่าหุ้น SVR เป็นอีกหนึ่งหลักทรัพย์ที่น่าจับ”
ด้านนายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวเสริมถึงจุดเด่นว่า SVR เป็นผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบ ที่มีศักยภาพในการเจริญเติบโตสูง และเป็นหุ้นอสังหาริมทรัพย์น้องใหม่ที่น่าจับตา เนื่องจากด้วยพฤติกรรมกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการที่อยู่อาศัยมีการปรับเปลี่ยน ส่งผลให้ที่อยู่อาศัยแนวราบรอบกรุงเทพฯ ตอบโจทย์ที่อยู่อาศัยทุก Generation
ประกอบกับด้วยวิสัยทัศน์ และพันธกิจ ของ SVR ที่มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างสรรค์นวัตกรรม สินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองทุกรูปแบบการใช้ชีวิตที่ลงตัว ทั้งนี้ SVR มีการพัฒนาคุณภาพสินค้าบริการ และองค์กร ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง รวมถึงการใส่ใจความต้องการของลูกค้าในทุกระดับราคา และทุก generation เพื่อสร้างองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน ร่วมกับลูกค้า คู่ค้า ผู้ถือหุ้น และพนักงานในองค์กร
หรือ “SVR” เปิดเผยว่า การเข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ครั้งนี้ ถือว่าเป็นก้าวที่สำคัญที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและตั้งใจในการนำพาองค์กรสู่ความสำเร็จ สำหรับเงินที่ SVR ระดมทุนได้ในครั้งนี้ คิดเป็นจำนวน 286 ล้านบาท ของมูลค่าหุ้นที่เสนอขาย
โดยบริษัทจะนำไปลงทุน เพื่อต่อยอดการพัฒนาโครงการในอนาคต ให้ครอบคลุมเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล เพื่อขับเคลื่อนทุกโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาในขณะนี้สู่การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัท ภายใต้การวางยุทธ์ศาสตร์ทางธุรกิจ ให้สอดรับกับแนวคิด “Best Smart Living”
1.) ทำเลที่ตั้งต้องเดินทางสะดวก ใกล้แหล่งสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ และใกล้รถไฟฟ้า (Smart Location)
2.) การออกแบบพื้นที่ใช้สอยที่นำเอาความต้องการของผู้อยู่อาศัยมาเป็นที่ตั้ง เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้ใช้พื้นที่ภายในบ้านได้อย่างคุ้มค่าและลงตัว (Smart Space)
3.) ราคาบ้านที่ลูกบ้านจ่ายไปต้องได้รับความคุ้มค่าอย่างสูงสุด (Smart Value)
4.) นวัตกรรมต่าง ๆ (Smart Home) ที่จะเข้ามาตอบโจทย์ Lifestyle ทุก Generation เพื่อการใช้ชีวิตของลูกบ้านให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
ซึ่งจากปัจจัยในข้างต้น ทำให้ทุกโครงการของสิวารมณ์ “SVR” สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยได้อย่างลงตัว ส่งผลให้วันนี้ SVR เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบ ที่มีอัตราการเติบโตในการก้าวเข้าสู่ระดับ High Growth และพร้อมมุ่งมั่นสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น