กำไรหุ้นโรงแรมเทิร์นอะราวนด์ แรงหนุน “ท่องเที่ยวฟื้น-เราเที่ยวด้วยกัน”

เที่ยวด้วยกัน เฟส 5 1

โบรกฯฟันธงหุ้นโรงแรม “เทิร์นอะราวนด์” ถ้วนหน้า-ฟื้นตัวเด่น “บล.เคจีไอ” ประเมิน 5 บริษัทโกยกำไร 9.1 พันล้านบาท เติบโต 563% รับอานิสงส์ท่องเที่ยวโต-จีนเปิดประเทศ แถมด้วยเซนติเมนต์เชิงบวกจาก “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5” ฟาก “บล.ฟินันเซีย ไซรัส” ระบุ “เราเที่ยวด้วยกัน” รอบนี้ไม่ใช่แรงขับเคลื่อนหลัก เหตุให้สิทธิน้อยลง มองแรงหนุนหลักมาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 วงเงินรวม 2,016 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยคาดว่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 12,539 ล้านบาท

นายณภัทร วรจรรยาวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวปี 2566 นี้ กำไรจะฟื้นตัวขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมจะเทิร์นอะราวนด์กันถ้วนหน้า และเป็นการเติบโตที่โดดเด่นที่สุด (ดูตาราง) โ

โดยฝ่ายวิจัยได้ปรับเพิ่มประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2566 ขึ้นเป็น 28 ล้านคน จากเดิม 25 ล้านคน ในจำนวนนี้ได้ปรับประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นเป็น 5.5 ล้านคน จาก 4 ล้านคน จากผลการเปิดประเทศที่เร็วกว่าคาด และโมเมนตัมที่เร่งตัวขึ้นของชาติอื่น ๆ โดยเฉพาะอาเซียน อินเดีย และตะวันออกกลาง

โดยหุ้นโรงแรมที่จะได้รับประโยชน์มากสุด คือ บริษัทที่มีรายได้เน้นหนักอยู่ในประเทศไทย ได้แก่ 1.บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) 2.บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) และ 3.บมจ.สยามเวลเนสกรุ๊ป (SPA) โดย CENTEL มีสัดส่วนรายได้ในประเทศ 90% ส่วน ERW และ SPA เกิน 95% เป็นรายได้ในประเทศ

ส่วนหุ้นที่อาจได้ประโยชน์ไม่มาก คือ บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) และ บมจ.เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท (SHR) เพราะพอร์ตรายได้เกิน 50% มาจากต่างประเทศ แต่ภาพรวม 5 บริษัทนี้จะมีกำไรสุทธิรวมกัน 9,108 ล้านบาท เติบโต 563.4% จากปีก่อน

ตาราง เราเที่ยวด้วยกัน 5

“เรายังคงให้น้ำหนักกลุ่มโรงแรม overweight โดยเลือก ERW แนะนำซื้อราคาเป้าหมายที่ 5.50 บาท เพราะยังพอมีอัพไซด์ให้เล่นอยู่ ขณะที่หุ้นตัวอื่นอัพไซด์เริ่มเต็มแล้ว นอกจากนี้ แนะนำซื้อ SHR ที่ราคาเป้าหมาย 6.10 บาท ถึงแม้จะได้ประโยชน์ไม่มาก

แต่เชื่อว่าเซนติเมนต์บวกจะเกาะกันไปได้ทั้งกลุ่ม และยังเป็นหุ้นที่มีกำไรเติบโตโดดเด่นในปีนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ต้องระวังความเสี่ยงการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 ที่ยืดเยื้อ และความวุ่นวายทางการเมือง”

นายณภัทรกล่าวว่า ขณะที่โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 เป็นเซนติเมนต์เชิงบวกต่อราคาหุ้นของธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม และสายการบิน รวมไปถึงช่วยทำให้ภาพกำไรที่ประมาณการไว้มีความมั่นคงมากขึ้น แต่อาจจะยังไม่ได้มองเป็นอัพไซด์กำไรที่จะแรงขึ้นมาก เพราะโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 เหมือนจะลดโควตาลงจากเฟสก่อน ๆ และรอบนี้ไม่มีการสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบิน ดังนั้นพูดง่าย ๆ คือผลประโยชน์น้อยลง

นายธีระพล อุดมเวศย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ที่ ครม.อนุมัติออกมา คาดว่าจะช่วยหนุนการท่องเที่ยวไทยได้อย่างต่อเนื่อง แต่อาจจะไม่ใช่แรงขับเคลื่อนหลักสำหรับรอบนี้ เพราะกำหนดจำนวนห้องพักแค่ 560,000 สิทธิ/ห้อง

ถ้าเทียบกับรอบก่อน ๆ จะให้สิทธิประมาณล้านกว่าสิทธิ ซึ่งตามปกติแล้วจำนวนห้องที่ขายได้ในโครงการนี้ คิดเป็นสัดส่วนราว 10% ของอัตราการเข้าพัก (occupancy rate) ในโรงแรม

“ฉะนั้นรอบนี้คงช่วยได้แค่บางส่วน และอาจไม่ได้มีผลต่อรายได้ธุรกิจโรงแรมมากนัก โดยคาดว่าแรงหนุนหลักจะมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาไทย โดยเห็นได้จากกำไรไตรมาส 4/2565 ของหุ้นโรงแรมที่จะประกาศงบการเงินออกมานั้น จะกลับมามีกำไรเกือบทุกบริษัท ฉะนั้นคาดว่าภาพรวมกำไรปี 2566 คงจะมีกำไรได้ทุกบริษัท” นายธีระพลกล่าว