ซีอีโอ SCBX ชี้แจงผู้ถือหุ้น ยกเลิกดีล Bitkub หลังพบความไม่แน่นอน

อาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCBX
อาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCBX

SCBX เปิดรายงานประชุมผู้ถือหุ้น อนุมัติขายหุ้นกู้ 1 แสนล้านบาท เพื่อปล่อยสินเชื่อและขยายธุรกิจใหม่ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมชี้แจงกรณียกเลิกดีล Bitkub หลังพบความไม่แน่นอน ส่วน Virtual Bank เป็นเรื่องอนาคต

วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX ได้เปิดรายงานการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2566 ที่ผ่านมา โดยมีนายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการ ทำหน้าที่เป็นประธานที่ประชุม และมีกรรมการ และผู้บริหารระดับสูงเข้าร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-EGM) โดยวาระการรประชุม จะเป็นเรื่องการพิจารณาอนุมัติการออกและเสนอขายตราสารหนี้ ภายในวงเงินไม่เกิน 1 แสนล้านบาท หรือเทียบเท่าในสกุลอื่น โดยผู้ถือหุ้นร้อยละ 99.9595 มีมติอนุมัติการออกและเสนอขายตราสารหนี้

รายงานระบุว่า การขออนุมัติขายตราสารหนี้(หุ้นกู้) 1 แสนล้านบาท เป็นไปตามแผนธุรกิจปี 2565-2567 ของ SCBX ที่มีแผนการลงทุนในธุรกิจ “สินเชื่อบุคคลดิจิทัล”และ “ธุรกิจแพลตฟอร์ม” ถือเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตสูง และจากวิสัยทัศน์ที่ก้าวขึ้นเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำในระดับภูมิภาค บริษัทจึงควรมีทางเลือกในการระดมทุนจากหลากหลายช่องทาง เพื่อสนับสนุนการลงทุนในอนาคต และมีประสิทธิภาพทางการเงินสูงสุด

ทั้งนี้ในการประชุม ผู้ถือหุ้นรายหนึ่งตั้งคำถามว่า การออกและเสนอขายตราสารหนี้ดังกล่าวจะนำไปลงทุนในการพัฒนาธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) ใช่หรือไม่

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCBX ได้ชี้แจงว่า สำหรับ Virtual Bank นั้น ถึงแม้ว่าจะมีแนวทางการอนุญาตให้จัดตั้งธนาคารพาณิชย์ไร้สาขาจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถ้าหาก SCBX ดำเนินการสมัครและได้รับใบอนุญาตก็ยังคงต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะดำเนินการได้ ดังนั้น ในหลักการเบื้องต้น วงเงินในการออกตราสารหนี้ครั้งนี้ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับแผนธุรกิจที่ค่อนช้างชัดเจน และอาจจะได้ใช้สำหรับ Virtual Bank ถ้าหากได้เริ่มดำเนินการได้เร็วกว่าที่คาดไว้

และมีคำถามต่อเนื่องว่า “ในการขออนุมัติออกและเสนอขายตราสารหนี้เป็นวงเงินสูงถึง 100,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุนในธุรกิจต่างๆ นั้น

แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้ SCBX เคยมีการพิจารณาที่จะลงทุนใน Bitkub แต่ในที่สุดก็ไม่ได้ดำเนินการ ซึ่งทำให้ผู้ถือหุ้นมีคำถามอย่างมาก และถามถึงเกณฑ์การพิจารณาเพื่อการลงทุนในธุรกิจที่น่าสนใจอย่างไร และคณะกรรมการให้ความสำคัญและตรวจสอบอย่างรอบคอบเพียงใด

จากคำถามดังกล่าว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารชี้แจงว่า คณะกรรมการบริษัท มีนโยบายชัดเจนในการพิจารณาการลงทุนว่าจะต้องอยู่บนรากฐานของความรอบคอบระมัดระวัง สำหรับกรณี Bitkub นั้น บริษัทได้ดำเนินการสอบทานธุรกิจด้วยความรอบคอบระมัดระวังและเมื่อพิจารณาเห็นความไม่แน่นอนจึงยุติธุรกรรมการลงทุนดังกล่าว ซึ่งสะท้อนว่าคณะกรรมการให้ความสำคัญกับการพิจารณาการลงทุนอย่างรอบคอบและระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง

ขณะที่ผู้ถือหุ้นอีกรายตั้งคำถาม “บริษัทมีแผนในการใช้เงินอย่างไร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารชี้แจงว่า ฝ่ายจัดการและคณะกรรมการจะพิจารณาความต้องการในการใช้เงิน ซึ่งขณะนี้ส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนเพื่อสนับสนุนบริษัทที่ SCBX ได้จัดตั้งไว้แล้ว ซึ่งบริษัทหลายแห่งทำธุรกิจสินเชื่อ

ดังนั้น จึงต้องการระดมทุนเพื่อนำไปปล่อยสินชื่อ และจะมีการลงทุนบางส่วนสำหรับการสร้างและขยายธุรกิจใหม่ใน3ปีข้างหน้าทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ

สำหรับด้านการใช้เงินก็เป็นการทยอยใช้เงินมากกว่าที่จะลงทุนในคราวเดียว ซึ่งจะเป็นไปตามเผนการขยายตัวของแต่ละบริษัท ดังนั้นSCBX จะทยอยออกและเสนอขายตราสารหนี้ให้สอดคล้องกับแผนการขยายธุรกิจของทุกบริษัทในกลุ่ม

โดยการลงทุนในธุกิจใหม่ต้องพิจารณาสภาพตลาด โอกาสทางธุรกิจที่เอื้ออำนวยรวมทั้งความถูกต้องและเหมาะสมในการลงทุน ทั้งนี้ SCBX กำหนดกรอบการลงทุนที่ประมาณ 20,000-30,000 ล้านบาทต่อปี สำหรับการสนับสนุนบริษัทเดิมและโอกาสการลงทุนใหม่ดังกล่าว