SCBX แบ่งกำไรกว่า 2 หมื่นล้าน จ่ายปันผลปี’65 แบบจุก ๆ 6.69 บาท

SCBX

ยานแม่ SCBX เคาะจ่ายปันผลปี 2565 อีกหุ้นละ 5.19 บาท รวมตลอดปีจ่ายปันผล 6.69 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 22,528 ล้านบาท พร้อมจัดสรรกำไรอีก 15,018 ล้านบาท เป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2566 บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX (ชื่อหลักทรัพย์ SCB) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า คณะกรรมการบริษัทในการประชุม เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 ได้มีมติเห็นควรเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการจัดสรรกำไรจากผลการดำเนินงานปี 2565 และการจ่ายเงินปันผล
ซึ่งบริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินรวม

โดยบริษัทจะพิจารณาถึงผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว ทั้งนี้ เงินปันผลจะจ่ายในปีใดก็ตามที่บริษัทมีกำไรหลังจากการกันสำรองตามกฎหมายและการกันสำรองอื่นที่จำเป็นครบถ้วนแล้ว รวมทั้งไม่มีผลขาดทุนสะสมและสามารถดำรงเงินกองทุนได้อย่างเพียงพอตามที่กฎหมายกำหนดและเพียงพอสำหรับความจำเป็นทางธุรกิจในอนาคต

ทั้งนี้ ในปี 2565 ที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้มีมติอนุมัติการงดจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี 2564 และการงดจัดสรรกำไรสุทธิเป็นทุนสำรองตามกฎหมาย เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มดำเนินกิจการและยังไม่มีรายได้จากการประกอบธุรกิจ ทำให้บริษัทมีผลการดำเนินงานขาดทุนในปี 2564

ภายหลังดำเนินการปรับโครงสร้างกลุ่มเอสซีบี เอกซ์ แล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2565 ทำให้บริษัทเป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 99.06 ของธนาคารไทยพาณิชย์ บริษัทจึงเริ่มรับรู้รายได้จากเงินปันผลที่ได้รับจากบริษัทในกลุ่ม

และเพื่อเป็นการปรับโครงสร้างเงินทุนของบริษัทให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น บริษัทจึงขอเสนอการจ่ายเงินปันผล
จากผลการดำเนินงานปี 2565 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 6.69 บาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลร้อยละ 60 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินรวม

คณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นควรเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติดังนี้
1. การจัดสรรกำไรสุทธิประจำปี 2565 ไว้เป็นทุนสำรองตามกฎหมายจำนวน 3,400 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 10 ของทุนจดทะเบียน

2. การจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี 2565 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 6.69 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น
22,528 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 60 ของกำไรสุทธิสำหรับปี 2565 ตามงบการเงินรวม

โดยที่บริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทไปแล้วเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2565 ในอัตรา หุ้นละ 1.50 บาท รวมเป็นเงิน 5,051 ล้านบาท

ดังนั้น บริษัทจะจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานให้แก่ผู้ถือหุ้นในครั้งนี้อีกหุ้นละ 5.19 บาท รวมเป็นเงิน 17,477 ล้านบาท โดยการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวให้จ่ายแก่ผู้ถือหุ้นเฉพาะผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผลตามข้อบังคับของบริษัท ตามที่ปรากฎรายชื่อ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 18 เมษายน 2566 (ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะเริ่มขึ้นเครื่องหมาย XD หรือวันที่ไม่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 17 เมษายน 2566)

และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 3 พฤษภาคม 2566 ทั้งนี้ เงินปันผลดังกล่าวข้างต้นจ่ายจากกำไรที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 20 ซึ่งผู้ถือหุ้นที่เป็นบุคคลธรรมดาสามารถขอเครดิตภาษีเงินปันผลคืนได้ในอัตรา 20/80 ของเงินปันผลที่ได้รับ

นอกจากนี้ คณะกรรมการได้มีมติอนุมัติการจัดสรรกำไรสุทธิสำหรับปี 2565 ที่เหลือจากการจ่ายเงินปันผลข้างต้นจำนวน 15,018 ล้านบาท เป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ (Common Equity Tier 1 Capital: CET1) ซึ่งจะทำให้เงินกองทุนทั้งสิ้นของบริษัท ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566 (ตามที่ประมาณการไว้)


มีจำนวนทั้งสิ้น 449,925 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 19.51 ของประมาณการสินทรัพย์เสี่ยง และเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของมีจำนวนทั้งสิ้น 423,305 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 18.35 ของประมาณการสินทรัพย์เสี่ยง