เมย์แบงก์ เปิดโผเลือกตั้ง 5 ครั้ง รอบ 20 ปี แรงเก็งกำไร 4 เซ็กเตอร์หุ้นอะไรบ้าง ?

เมย์แบงก์ maybank

บล.เมย์แบงก์ เปิดสถิติการเลือกตั้งสำคัญ 5 ครั้ง ในรอบ 20 ปี พบแรงเก็งกำไร 4 เซ็กเตอร์หุ้นอะไรบ้าง ?

วันที่ 3 มีนาคม 2566 บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MST ผู้นำด้านการลงทุนถือหุ้นโดย “เมย์แบงก์” ธนาคารอันดับ 1 ของมาเลเซีย รายงานว่า ปัจจัยการเลือกตั้งรอบใหม่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยอย่างมาก โดยตลาดหุ้นมีความคาดหวังเชิงบวกต่อการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น สถิติชี้ดัชนี SET Index ปรับตัวขึ้นเด่น 3 เดือนก่อนวันเลือกตั้ง (Election Rally) ด้วยผลตอบแทนเฉลี่ย +3.4% และยังคงปรับขึ้นต่อเนื่อง 1 เดือนหลังการเลือกตั้ง ด้วยผลตอบแทนเฉลี่ย +5.3% มองหุ้นที่อิงกับการฟื้นตัวในประเทศมีโอกาสปรับตัวขึ้นเด่น ได้แก่ กลุ่มสื่อสาร สื่อและสิ่งพิมพ์ ค้าปลีก และอาหาร

นักวิเคราะห์จากเมย์แบงก์ประเมินโอกาสที่จะเกิดการยุบสภาในเดือนมีนาคม ก่อนสภาจะครบกำหนดวาระในวันที่ 23 มีนาคมนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ ส.ส. มีระยะเวลาในการย้ายพรรคได้ทัน รวมทั้งมีช่วงเวลาในการหาเสียงมากยิ่งขึ้น โดยคาดวันเลือกตั้งครั้งนี้จะอยู่ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2566

ทั้งนี้การเมืองถือเป็นประเด็นที่มีผลต่อทิศทางเศรษฐกิจและการลงทุนเป็นอย่างมาก โดยตลาดหุ้นมักจะมีความคาดหวังเชิงบวกต่อการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงถัดไป โดยหากพิจารณาสถิติย้อนหลังในช่วงกว่า 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีการเลือกตั้งสำคัญ 5 ครั้ง (ปี 2544-2562) พบว่า SET ปรับตัวขึ้นเด่น 3 เดือนก่อนวันเลือกตั้ง (Election Rally) ด้วยผลตอบแทนเฉลี่ย +3.4% และยังคงปรับขึ้นต่อเนื่อง 1 เดือนหลังการเลือกตั้ง ด้วยผลตอบแทนเฉลี่ย +3.4% (โอกาสความน่าจะเป็น 60%)

และภายหลังการเลือกตั้ง 1 เดือน พบว่า SET Index มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ด้วยผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง +5.3% ท่ามกลางโอกาสความน่าจะเป็นที่ SET Index จะปรับตัวขึ้นต่อสูงถึง 80% หลังการเลือกตั้ง แต่อย่างไรก็ตามคงต้องพิจารณาถึงขั้วการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งเป็นสำคัญ

หากพิจารณาในรายอุตสาหกรรมจะพบว่ากลุ่มที่อิงกับการฟื้นตัวในประเทศจะปรับตัวขึ้นเด่นในช่วงการเก็ง Election Rally ซึ่งก็สะท้อนถึงความคาดหวังเชิงบวกต่อนโยบายของภาครัฐ ที่จะไล่เรียงออกมาในช่วงถัดไป โดยจากสถิติพบว่ากลุ่มอุตสาหกรรมที่มักจะปรับตัวขึ้นได้ดีในช่วงก่อนการเลือกตั้ง ได้แก่ กลุ่มสื่อสาร, สื่อและสิ่งพิมพ์, ค้าปลีก และอาหาร

โดยแนะนำหุ้นที่น่าสนใจคือ ADVANC (ราคาเป้าหมาย 240 บาท) COM7 (ราคาเป้าหมาย 40.3 บาท) PLANB (ราคาเป้าหมาย 10.7 บาท) TU (ราคาเป้าหมาย 21.8 บาท)

ทั้งนี้กลุ่มที่มักถูกแรงเก็งกำไรส่วนมากจะเกี่ยวข้องกับหุ้นที่อิงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ (Domestic Play) ซึ่งก็น่าจะสอดคล้องกับนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยที่พรรคการเมืองต่าง ๆ หยิบยกขึ้นมาเป็นปัจจัยเพื่อเรียกคะแนนเสียงให้มากยิ่งขึ้น

แรงเก็งกำไร 4 เซ็กเตอร์ ก่อนเลือกตั้ง

โดยสถิติของการเลือกตั้งสำคัญ 5 ครั้ง ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา จะพบว่ากลุ่มอุตสาหกรรมที่ขยับขึ้นเด่นในช่วง 3 เดือนก่อนการเลือกตั้ง นำโดย กลุ่มสื่อสาร (+8.6%), กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ (+7.3%), กลุ่มค้าปลีก (+6.4%), กลุ่มอาหาร (+5.6%)

ส่วนกลุ่มที่มักปรับตัวขึ้นเด่น ภายหลังการเลือกตั้ง เช่น กลุ่มไฟแนนซ์, กลุ่มอสังหาริมทรัพย์, กลุ่มสื่อสาร, กลุ่มธนาคาร, กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ เป็นต้น ส่วนกลุ่มที่สถิติบ่งชี้ว่ามักไม่ตอบรับเชิงบวกกับการเลือกตั้ง เช่น กลุ่มปิโตรเคมี ซึ่งอาจเป็นอุตสาหกรรมที่ขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจโลกมากกว่า

กลุ่มสื่อสาร อัตราโตเฉลี่ยสะสมต่อปี 2.9%

กลุ่มสื่อสาร มีอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ช่วง 5 ปี ของรายได้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของทั้งอุตสาหกรรมในช่วงปี 2560-2565 อยู่ที่ -0.3% เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่อ่อนตัว ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังโควิดและโครงสร้างตลาดแบบมีเพียงสองผู้เล่นหลัก ทำให้เราคาดการณ์ CAGR ช่วงปี 2565-2570 อยู่ที่ 2.9% สำหรับรายได้จากธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ ส่งผลให้รายได้จากบริการหลักของอุตสาหกรรมเติบโตเฉลี่ย 4.1% ในช่วง 5 ปีดังกล่าว แนะนำหุ้นเด่นที่น่าสะสม ADVANC, JMART

กลุ่มค้าปลีกกำไรขั้นต้นพุ่งตามยอดขาย

กลุ่มค้าปลีก เรามีมุมมองเป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีกสำหรับปี 2566 จากแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของการบริโภคซึ่งจะถูกผลักดันจากการเลือกตั้ง การเดินทางออกนอกบ้านมากขึ้น และจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อที่ชะลอลงจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภค คาดอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในกลุ่มค้าปลีกส่วนใหญ่จะเพิ่มขึ้นในปี 2566 ตามการเติบโตของยอดขาย การเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง แรงกดดันด้านต้นทุนคาดว่าจะผ่อนคลายลง หนุนกำไรเติบโตได้ในเกณฑ์ดี แนะนำหุ้นเด่นที่น่าสะสม COM7, CRC, CPALL, HMPRO

กลุ่มสื่อ ฟื้นตัวตามการบริโภค

กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ คาดเติบโตดีขึ้นสอดคล้องกับการบริโภคที่ฟื้นตัว ผสานแรงหนุนเพิ่มเติมจากการเลือกตั้ง โดยเรายังคงเชื่อว่าปีนี้สื่อประเภท สื่อนอกบ้าน (Out of home media) ยังเป็นสื่อที่มีการเติบโตได้เด่นกว่าสื่อประเภทอื่น จากทั้งความต้องการที่สูงขึ้น ขณะที่ capacity ใหม่ (จำนวนป้าย) ยังไม่ได้มีแผนขยายเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นหากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยไม่แผ่วลง จะมีโอกาสสูงที่จะเกิดภาวะตึงตัว หนุนผลประกอบการในกลุ่มนี้ยังมีทิศทางปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง แนะนำหุ้นเด่นที่น่าสะสม PLANB

กลุ่มอาหาร แรงกดดันเงินเฟ้อลดลง

กลุ่มอาหาร ยังมีแนวโน้มเติบโตจากการอุปโภคบริโภคที่ฟื้นตัว จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น แรงกดดันด้านเงินเฟ้อลดลง การส่งออกเพิ่มขึ้นจากการเปิดประเทศของหลาย ๆ ประเทศ และปัญหาด้านขนส่งเริ่มคลี่คลาย โดยยอดขายของกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มจะฟื้นตัวดีขึ้นหลังจากการเปิดเมืองและมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ ๆ การเพิ่มขึ้นของจำนวนลูกค้าเข้าร้าน Modern trade มาตรการช้อปดีมีคืน 2566 จะช่วยกระตุ้นการอุปโภคบริโภค แนะนำหุ้นเด่นที่น่าสะสม TU, SNNP, SAPPE