เมย์แบงก์เป็นมากกว่าโบรกเกอร์ บุกธุรกิจเวลท์ จับมือ BNY จัดพอร์ตลงทุนโลก

เมย์แบงก์ประเทศไทย ลุยธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง จับมือ BNY Mellon IM นำเสนอพอร์ตลงทุน 5 ระดับความเสี่ยง-5 ระดับความผันผวน กระจายทรัพย์สินทั่วโลก จ่อเปิดแอป Maybank Invest ไตรมาส 3 ลงทุนครบ “หุ้น-กองทุน-ตราสารหนี้”

นายอารภัฏ สังขรัตน์
นายอารภัฏ สังขรัตน์

วันที่ 23 มิถุนายน 2565 นายอารภัฏ สังขรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MST เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 สิ่งที่เราเห็นคือเศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนที่ค่อนข้างสูง แต่จุดที่น่าสนใจคือถึงแม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะไม่ดี แต่เราก็มองเห็นโอกาสในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการลงทุน

และปีนี้เมย์แบงก์ประเทศไทยมีแผนจะโฟกัสธุรกิจการบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) มากขึ้น ทำให้ต่อไปเราจะไม่ใช่แค่เป็นบริษัทหลักทรัพย์แต่เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ที่สามารถนำเสนอโซลูชั่นทางการเงินให้ลูกค้าที่ครอบคลุมทั้งหุ้น, กองทุน, ตราสารหนี้ และอื่น ๆ อีกมากมายทั้งในและต่างประเทศ ครอบคลุมทั้งลูกค้ารายบุคคลและลูกค้าสถาบันทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างความมั่งคั่งและความยั่งยืนให้กับลูกค้าได้ ซึ่งตรงนี้จะเป็นจุดที่เปลี่ยนแปลงความคิดด้านการลงทุนให้ไม่ใช่แค่การซื้อขายหุ้น

โดยเมย์แบงก์ประเทศไทยได้ประกาศความร่วมมือ บีเอ็นวาย เมลลอน ไอเอ็ม (BNY Mellon IM) พันธมิตรด้านการลงทุนระดับโลก ซึ่งภายใต้ความร่วมมือนี้ BNY Mellon IM จะช่วยมอบความเชี่ยวชาญระดับโลกให้แก่ลูกค้า ผ่านการพัฒนาบริการด้านโมเดลพอร์ตการลงทุน โดยจะนำเสนอพอร์ตการลงทุน 5 พอร์ตที่มีระดับความเสี่ยงที่แตกต่างกัน และอีก 5 พอร์ตที่มีระดับความผันผวนที่แตกต่างกัน

ซึ่งทาง BNY Mellon IM จะดูแลโมเดลพอร์ตการลงทุนซึ่งรวมถึงการกระจายทรัพย์สิน การบริหารความเสี่ยง และการคัดเลือกผู้จัดการ ขณะที่เมย์แบงก์ประเทศไทยจะใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญในการคัดเลือกและปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมกับลูกค้าในตลาดประเทศไทย

ซีอีโอเมย์แบงก์ประเทศไทย กล่าวว่า “ในวันที่ความต้องการด้านการลงทุนของลูกค้าเปลี่ยน และธุรกิจได้เปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ เมย์แบงก์ประเทศไทยก็เดินหน้าปรับเปลี่ยนองค์กรเพื่อให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลง โดยคาดว่าภายในไตรมาส 3/65 เมย์แบงก์ประเทศไทยจะเปิดให้บริการแอปพลิเคชั่น Maybank Invest (MBI) ซึ่งเป็นเครื่องมือใหม่ที่จะเป็นตัวช่วยให้ลูกค้าลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินครบจบในแอปเดียว

นอกจากนี้ยังจะมีการนำข้อมูลของลูกค้าในส่วนต่าง ๆ ผ่านระบบประมวลผลอัจฉริยะ (AI) เพื่อทำให้นักลงทุนสามารถจัดพอร์ตการลงทุนได้อย่างเหมาะสม และเลือกผลิตภัณฑ์การลงทุนได้ตรงตามความต้องการอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด หลากหลายฟังก์ชั่นด้านการลงทุน เพื่อตอบสนองทุกความต้องการ และอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม โดยมีเงิน 10,000 บาทก็เริ่มลงทุนได้แล้ว

โดยคาดว่าเราจะมีฐานลูกค้ารายใหม่เข้ามาใช้บริการเป็นหลักแสนราย คาดว่าในระยะยาวจะเติบโตเป็น 5 เท่าจากฐานลูกค้าปัจจุบัน ทั้งนี้บริษัทจะแนะนำบริการให้ลูกค้าเดิมที่ซื้อขายหุ้นกับบริษัทอยู่ก่อนแล้ว และหลังจากนั้นจะขยายออกไปสู่ฐานลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้น

ซีอีโอเมย์แบงก์ประเทศไทย กล่าวอีกว่า ปัจจุบันเราเดินหน้าปรับองค์กรภายใต้แนวคิด “Opportunity of Change” มุ่งสร้างโอกาสทางธุรกิจจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยมุ่งพัฒนาใน 3 ด้าน ได้แก่

1.ภาพลักษณ์ (New Brand) เราได้ทำการ Rebranding เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และค่อย ๆ ปรับภาพลักษณ์ให้ดูสดใส มีชีวิตชีวา เน้นสร้างแรงบันดาลใจเชิงบวก แต่ยังคงความเป็นมืออาชีพที่น่าเชื่อถือ

2.การบริหารงานในองค์กร (New Team and Culture) มีการเปิดรับคนรุ่นใหม่เข้าสู่องค์กรจำนวนมาก ด้วยโครงการสร้างการทำงานที่ยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ต่าง ๆ ได้มีประสิทธิภาพ และปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในการทำงานสไตล์พื้นที่เปิดเพื่อเอื้ออำอวยให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงเน้นความเป็นมืออาชีพสูงสุด

และ 3.การนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ (New Investment Solutions) ที่ตอบโจทย์ตรงใจนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการการลงทุนแบบครบวงจร ครอบคลุมทั้งลูกค้ารายบุคคลและลูกค้าสถาบัน ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างความมั่งคั่งและความยั่งยืนให้กับลูกค้าได้