บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ welfare.mof.go.th รวมทุกเรื่องที่นี่

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ วิธียื่นอุทธรณ์

คลังเปิดเผยไทม์ไลน์เริ่มใช้สิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กรณียืนยันตัวตนในแต่ละช่วง แจงให้สิทธิย้อนหลังไม่เกิน 3 เดือน พร้อมวิธีการยื่นอุทธรณ์ หากไม่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติ

วันที่ 7 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากข้อมูลของกระทรวงการคลัง ผู้ที่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ที่ยืนยันตัวตนภายในช่วงวันที่ 1-26 มี.ค. 2566 จะเริ่มใช้สิทธิได้เป็นกลุ่มแรก ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2566 เป็นต้นไป

  • ผู้ที่ยืนยันตัวตนช่วงวันที่ 27 มี.ค.-26 เม.ย. 2566 จะเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2566 เป็นต้นไป
  • ผู้ที่ยืนยันตัวตนช่วงวันที่ 27 เม.ย.-26 พ.ค. 2566 จะเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2566 เป็นต้นไป
  • ผู้ที่ยืนยันตัวตนช่วงวันที่ 27 พ.ค.-26 มิ.ย. 2566 จะเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2566 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ผู้ที่ยืนยันตัวตนในช่วงวันที่ 27 พ.ค.-26 มิ.ย. 2566 จะได้รับสิทธิย้อนหลังไม่เกิน 3 เดือน นับจากเดือนแรกที่เริ่มใช้สิทธิได้ (สิทธิย้อนหลังจะให้เฉพาะวงเงินการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเท่านั้น)

ส่วนผู้ที่ยืนยันตัวตนตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย. 2566 เป็นต้นไป จะเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2566 เป็นต้นไป และจะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง โดยจะได้รับสิทธิเฉพาะเดือนที่กระทรวงการคลังดำเนินการตั้งวงเงินให้
นอกจากนี้ ผู้ได้รับสิทธิจะต้องลงทะเบียนพร้อมเพย์ด้วยหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อรับสิทธิสวัสดิการด้วย

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เวลาใช้สิทธิ

คลังชี้ 3 ประเด็นใหญ่ยื่นอุทธรณ์

ล่าสุด นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หลังจากกระทรวงการคลังประกาศผลการพิจารณาคุณสมบัติโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2566 เป็นวันแรก ล่าสุด ณ เวลา 09.00 น. ของวันนี้ (7 มี.ค.) พบว่า มีผู้ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติและดำเนินการยืนยันตัวตนเรียบร้อยแล้ว 2.385 ล้านราย และมีผู้ไม่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติ ดำเนินการยื่นอุทธรณ์แล้ว 6.7 แสนราย

“3 ประเด็นหลักที่ไม่ผ่านเกณฑ์ แล้วมีการยื่นอุทธรณ์ก็คือ ติดประเด็นเรื่องการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ รายได้ และเงินฝาก ซึ่งผู้ที่ยื่นอุทธรณ์จะต้องไปยืนยันข้อมูลกับทางกรมที่ดิน และธนาคาร” นายพรชัยกล่าว

วิธีการยื่นอุทธรณ์กรณีไม่ผ่านเกณฑ์

ผู้ลงทะเบียนที่ตรวจสอบผลการพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 แล้ว พบว่า “ไม่ผ่านเกณฑ์” การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการ ปี 2565 ผู้ลงทะเบียนสามารถยื่นขออุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติได้ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.-1 พ.ค. 2566 ผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่

  1. ขออุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติด้วยตนเองผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ได้ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ถึง 23.00 น. ของทุกวัน
  2. ขออุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียน ทั้ง 7 หน่วยงาน ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำนักงานคลังจังหวัดทุกจังหวัด ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร และศาลาว่าการเมืองพัทยา ตามวันและเวลาทำการของแต่ละหน่วยงาน

โดยให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานรับลงทะเบียนเป็นผู้ดำเนินการยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติ โดยผู้ไม่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติจะต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานรับลงทะเบียนก่อนดำเนินการยื่นอุทธรณ์

หลังจากผู้ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติดำเนินการยืนยันการขออุทธรณ์ตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว จะต้องดำเนินการขอตรวจสอบและแก้ไขข้อมูลที่หน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติที่ผู้ลงทะเบียนไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาด้วยตนเอง หรือเป็นไปตามเงื่อนไขที่หน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติกำหนด เพื่อขอปรับปรุงหรือแก้ไขข้อมูลในกรณีที่ข้อมูลไม่ถูกต้องให้ถูกต้อง โดยจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 1 พ.ค. 2566

6 ขั้นตอนยื่นอุทธรณ์ ผ่านเว็บไซต์

ทั้งนี้ กรณีขออุทธรณ์ด้วยตนเองผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ได้ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ถึง 23.00 น. ของทุกวัน โดยมี 6 ขั้นตอนดังนี้

1) ผู้ลงทะเบียนกรอกหมายเลขประจำตัวประชาชน และวันเดือนปีเกิดตามที่ระบุ บนบัตรประจำตัวประชาชน ระบบจะแสดงผลการพิจารณาคุณสมบัติ ให้ผู้ลงทะเบียนคลิกปุ่ม “ผลการตรวจสอบ”

2) ผู้ลงทะเบียนกรอก วันเดือนปีเกิดตามที่ระบุบนบัตรประจำตัวประชาชน และรหัส Laser ID หลังบัตรประจำตัวประชาชน และคลิกปุ่ม “ยืนยันตัวตน”

3) ระบบจะแสดงรายละเอียดข้อมูลผลการพิจารณาคุณสมบัติที่ผู้ลงทะเบียนไม่ผ่านเกณฑ์

การพิจารณาคุณสมบัติ หากผู้ลงทะเบียนที่ต้องการขออุทธรณ์ ให้ผู้ลงทะเบียนตรวจสอบหมายโทรศัพท์ที่ติดต่อได้ และคลิกปุ่ม “ยืนยันการอุทธรณ์”

4) ระบบขึ้นข้อความ โปรดยืนยันการขออุทธรณ์ ให้ผู้ลงทะเบียน คลิกปุ่ม “ยืนยันการอุทธรณ์” อีกครั้ง

5) เมื่อผู้ลงทะเบียนคลิกปุ่ม “ยืนยันการอุทธรณ์” เรียบร้อยแล้ว ระบบขึ้นข้อความ “สำเร็จ” ให้ผู้ลงทะเบียนคลิกปุ่ม “ตกลง”

6) ผู้ลงทะเบียนสามารถเลือกพิมพ์เอกสารการขออุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติโดย คลิกปุ่ม “พิมพ์เอกสารยืนยันการอุทธรณ์” ยกเว้น ในกรณีที่ผู้ลงทะเบียนไม่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติเกณฑ์หนี้สิน ผู้ลงทะเบียนจะต้องพิมพ์เอกสารเพื่อใช้ประกอบการขอแก้ไขข้อมูล

กรณีขออุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สำนักงานคลังจังหวัดทุกจังหวัด ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร และศาลาว่าการเมืองพัทยา ตามวันและเวลาทำการของแต่ละหน่วยงาน

โดยให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานรับลงทะเบียนเป็นผู้ดำเนินการยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติ ซึ่งผู้ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติจะต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานรับลงทะเบียนก่อนดำเนินการยื่นอุทธรณ์

เมื่อผู้ลงทะเบียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติได้ทำการยื่นขออุทธรณ์ผ่านเว็บไซต์ หรือผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว หากประสงค์ขอตรวจสอบและ/หรือขอแก้ไขข้อมูลขอให้ดำเนินการติดต่อที่หน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติที่ผู้ลงทะเบียนไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติด้วยตนเอง หรือเป็นไปตามเงื่อนไขที่หน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติกำหนดเพื่อขอปรับปรุงหรือแก้ไขข้อมูลในกรณีที่ข้อมูลไม่ถูกต้องให้ถูกต้อง โดยจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 1 พฤษภาคม 2566

ทั้งนี้ สำหรับข้อมูลข่าวสารและรายละเอียดโครงการ ประชาชนสามารถติดตามได้เพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th

ผ่านเกณฑ์แล้ว ยืนยันตัวตน ผ่าน 3 แบงก์

สำหรับผู้ที่ “ผ่านเกณฑ์” การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการ ปี 2565 ต้องยืนยันตัวตน ผ่าน 3 ธนาคาร ดังนี้
  1. ธนาคารกรุงไทย
  2. ธนาคารออมสิน
  3. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

โดยสามารถยืนยันตัวตนได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ จะต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนอเนกประสงค์ (Smart Card) เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนด้วย ณ ธนาคารดังกล่าวตามวันและเวลาทำการของแต่ละธนาคาร

เมื่อยืนยันตัวตนเสร็จเรียบร้อยแล้วจะสามารถตรวจสอบสถานะการยืนยันตัวตนของตนเองผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ในวันถัดไป หรือติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่หน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน หรือโทรศัพท์สอบถามได้ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ขณะที่ ธ.ก.ส. และธนาคารออมสินจะให้บริการยืนยันตัวตนเป็นเวลา 180 วันนับจากวันที่ประกาศผลการพิจารณาคุณสมบัติ (วันที่ 1 มีนาคม-27 สิงหาคม 2566)

ส่วนธนาคารกรุงไทย จะให้บริการยืนยันตัวตน โดยยังไม่มีกำหนดวันสิ้นสุดการให้บริการ

เช็กสิทธิ-อุทธรณ์ได้ทุกวันตลอดเดือน มี.ค.

ในเดือนมีนาคม 2566 ผู้ลงทะเบียนสามารถขอตรวจสอบผลการพิจารณาคุณสมบัติและขออุทธรณ์ได้ที่สำนักงานคลังจังหวัดทุกจังหวัดได้ทุกวัน รวมวันเสาร์ – อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 8.30 – 16.30 น. เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ 11 มีนาคม 2566

สำหรับผู้ผ่านเกณฑ์สามารถไปยืนยันตัวตนได้ที่ธนาคารกรุงไทยฯ ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ได้ทุกวัน รวมวันเสาร์ – อาทิตย์ โดยสาขาทั่วไป ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น. และสาขาในห้างสรรพสินค้าตั้งแต่เวลา 11.00 – 16.00 น. โดยสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th

อย่าลืมผูกพร้อมเพย์เลขบัตรประชาชน

โดยผู้ลงทะเบียนที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับหมายเลขประจำตัวประชาชนเพื่อรับสิทธิสวัสดิการ โดยสามารถผูกบัญชีพร้อมเพย์กับธนาคารใดก็ได้ ทั้งนี้ การผูกบัญชีพร้อมเพย์ไว้ล่วงหน้า จะทำให้ผู้ได้รับสิทธิสะดวกในการรับสิทธิสวัสดิการหากกรณีที่ภาครัฐมีสวัสดิการที่จะโอนเข้าบัญชีในอนาคต

หากพบว่าสถานะการยืนยันตัวตนสมบูรณ์ ผู้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติจึงจะสามารถใช้สิทธิสวัสดิการผ่านบัตรประจำตัวประชาชนได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 ในกรณีที่ผู้ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติที่ยืนยันตัวตนสำเร็จตั้งแต่วันที่ 1-26 มีนาคม 2566

และในกรณีผู้ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติที่ยืนยันตัวตนหลังวันที่ 26 มีนาคม 2566 จะได้ใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐตามที่กระทรวงการคลังกำหนด

บัตรเก่าใช้สิทธิได้แค่สิ้น มี.ค. 66

สำหรับผู้ได้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐในปัจจุบันจะสามารถใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐได้จนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2566 เท่านั้น

อย่าลืมลงทะเบียนรับเงินช่วย “ค่าน้ำ-ค่าไฟ” ใหม่

สำหรับผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จภายใต้โครงการฯ ปี 2565 ที่ประสงค์จะรับสิทธิมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา (มาตรการบรรเทาฯ) จะต้องลงทะเบียนขอรับสิทธิใหม่ทุกคน และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขสวัสดิการของมาตรการบรรเทาฯ ที่กำหนดการให้สวัสดิการแบบ 1 ครัวเรือนต่อ 1 สิทธิต่อ 1 รหัสประจำบ้าน

ซึ่งสามารถลงทะเบียนรับสิทธิค่าไฟฟ้าได้เพียงผู้ให้บริการ 1 หน่วยงาน เช่นเดียวกันกับค่าน้ำประปาที่สามารถลงทะเบียนรับสิทธิค่าบริการได้เพียงผู้ให้บริการ 1 หน่วยงาน ซึ่งจะเปิดให้ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาได้ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป กับหน่วยงานผู้ให้บริการที่ผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยืนยันตัวสำเร็จรับบริการอยู่ ดังนี้

ลงทะเบียน “ค่าไฟ” ได้ที่ 3 หน่วยงาน

1.การลงทะเบียนรับสิทธิค่าไฟฟ้า สามารถลงทะเบียนได้ที่ (1) สำนักงานการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) หรือผ่านเว็บไซต์ https://meagate1.mea.or.th/welfareregis เบอร์ติดต่อ 1130 (2) สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)

หรือผ่านเว็บไซต์ https://welfareregis.pea.co.th เบอร์ติดต่อ 1129 และ (3) กิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ (กทร.) หรือผ่านเว็บไซต์ https://walfareregis.sea.co.th เบอร์ติดต่อ 086 848 1284

ลงทะเบียน “ค่าน้ำ” ผ่าน 2 หน่วยงาน

2.การลงทะเบียนรับสิทธิค่าน้ำประปา สามารถลงทะเบียนได้ที่ (1) สำนักงานการประปานครหลวง (กปน.) หรือผ่านเว็บไซต์ https://eservicesapp.mwa.co.th/ES/MWAWelfareServlet เบอร์ติดต่อ 1125 และ (2) สำนักงานการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) หรือผ่านเว็บไซต์ https://register.pwa.co.th/welfare-register.html เบอร์ติดต่อ 1662

เริ่มใช้สิทธิ “ค่าน้ำ-ค่าไฟ” งวดแรก เม.ย.

ทั้งนี้ หากลงทะเบียนรับสิทธิค่าไฟฟ้ากับ กฟน. หรือ กฟภ. สำเร็จภายในวันที่ 8 เมษายน 2566 เวลา 17.00 น. หรือลงทะเบียนกับ กทร. สำเร็จภายในวันที่ 20 เมษายน 2566 เวลา 17.00 น. และ/หรือลงทะเบียนรับสิทธิค่าน้ำประปากับ กปน. หรือ กปภ. สำเร็จภายในวันที่ 25 มีนาคม 2566 เวลา 17.00 น. จะได้รับสิทธิเดือนแรก คือ “ใบแจ้งหนี้ค่าบริการเดือนเมษายน 2566”

สำหรับผู้ที่ใช้สิทธิตามมาตรการบรรเทาฯ ให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2560 และปี 2561 จะสามารถใช้สิทธิในรอบใบแจ้งหนี้ค่าบริการเดือนมีนาคม 2566 เป็นเดือนสุดท้าย โดยสามารถนำใบแจ้งหนี้ค่าบริการที่ค้างชำระในช่วงที่ได้รับสิทธิตามมาตรการบรรเทาฯ ไปชำระเพื่อขอรับเงินสนับสนุนได้จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2566