
อัพเดต 1 มีนาคม 2666
ตรวจสอบสิทธิ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2566 เว็บไซต์ welfare.mof.go.th เช็กสิทธิผ่าน-ไม่ผ่านที่ช่องทางเว็บไซต์
หลังจากคณะรัฐมนตรี อนุมัติโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 5 วงเงินกว่า 5,336 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่กลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในช่วงที่ยังมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ) ครั้งล่าสุด ซึ่งเปิดลงทะเบียนมาตั้งแต่เมื่อเดือนตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา
และขณะนี้การตรวจสอบคุณสมบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งคุณสมบัติรายบุคคลและคุณสมบัติสมาชิกในครอบครัวดำเนินการเสร็จสิ้น และจะประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติให้ทราบ ภายในวันที่ 1 มีนาคม นี้
“ประชาชาติธุรกิจ” รวบรวมข้อมูลสำคัญที่ควรรู้เกี่ยวกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รอบใหม่ ก่อนจะเริ่มใช้จริง ภายในเดือนมีนาคม 2566
สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ ตรวจสอบผลอย่างไร ?

เดือนมีนาคม 2566
หลังจากตรวจสอบความสัมพันธ์ของครอบครัวเรียบร้อยแล้ว กระทรวงการคลังจะตรวจสอบและพิจารณาคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการหรือไม่ ทั้งเกณฑ์บุคคลและเกณฑ์ครอบครัว
สำหรับขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 66 ผ่าน-ไม่ผ่าน ทางออนไลน์ มีขั้นตอนดังนี้
- เข้าไปที่เว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th
- คลิกเมนู “ตรวจสอบสถานการณ์ลงทะเบียน”
- กรอก “เลขที่บัตรประชาชนจำนวน 13 หลัก” และระบุ “วัน เดือน และ พ.ศ. ที่เกิด”
- คลิก ตรวจสอบข้อมูล
- ระบบแสดงสถานะการลงทะเบียน/ตรวจสอบ
หากคุณสมบัติเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ให้รอการยืนยันตัวตน (KYC) ด้วยบัตรประชาชนแบบ Smart Card ที่สาขาของ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยกระทรวงการคลัง จะมีการประชาสัมพันธ์ผู้ได้รับสิทธิรับทราบอีกครั้ง
ขอให้ผู้ลงทะเบียนกลุ่มที่มีสถานะการลงทะเบียนสมบูรณ์ ติดตามกำหนดการประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติที่ชัดเจนจากกระทรวงการคลังอีกครั้งหนึ่งอย่างใกล้ชิด เพื่อประโยชน์แก่ผู้ลงทะเบียน
แต่หากคุณสมบัติไม่ผ่าน สามารถยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติผ่านทางเว็บไซต์โครงการ และติดต่อหน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติที่ไม่ผ่าน เพื่อขอแก้ไขปรับปรุงข้อมูลโดยตรง โดยกระทรวงการคลัง จะแจ้งกำหนดการและวิธีดำเนินการเกี่ยวกับการอุทธรณ์ผลการตรวจสอบคุณสมบัติให้ทราบต่อไป
สำหรับการอุทธรณ์ สามารถอุทธรณ์การตรวจสอบสิทธิได้ โดยใช้ระยะเวลาตรวจสอบ 15-30 วัน และหากอุทธรณ์แล้วผ่าน จะยังคงได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ย้อนหลังด้วย
เริ่มใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ เมื่อไร ?
สำหรับการเริ่มใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า การเริ่มใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ รอบใหม่ จะเริ่มใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐรอบปี 2565 จะประกาศผู้ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติภายในช่วงปลายเดือน ม.ค. 2566 นี้ โดยรัฐบาลตั้งเป้าจะให้เริ่มมีการให้สิทธิผ่านบัตรสวัสดิการ ซึ่งจะเปลี่ยนไปใช้บัตรประชาชนแทนบัตรแบบเดิม ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จ่ายค่าอะไรบ้าง ?
สำหรับรายละเอียดการจ่ายเงิน “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” (ข้อมูล ณ เดือนมกราคม 2566) เป็นดังนี้
ทุกวันที่ 1 ของเดือน (ไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และไม่สะสมในเดือนถัดไป)
- วงเงินซื้อสินค้า 200/300 บาทต่อเดือน โดยมีรายละเอียด คือ
วงเงิน 200 บาท/เดือน สำหรับผู้ที่มีรายได้เกิน 30,000 บาท
วงเงิน 300 บาท/เดือน สำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท - วงเงินซื้อสินค้า ตามมาตรการช่วยเหลือเงินพิเศษ 200 บาทต่อเดือน (เฉพาะเดือนมกราคม 2566)
- ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 100 บาทต่อ 3 เดือน (ม.ค.-มี.ค. 66)
- ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ประกอบด้วย ค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาทต่อเดือน, ค่าโดยสารรถไฟ 500 บาทต่อเดือน และค่าโดยสารรถ ขสมก./รถไฟฟ้า (MRT/BTS/ARL) 500 บาทต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่อาศัยอยู่ในเขต กทม. และปริมณฑล)
ทุกวันที่ 18 ของเดือน (สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และสะสมในเดือนถัดไปได้)
- เงินชดเชยค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ได้ลงทะเบียนกับ กฟน. กฟภ. และกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 315 บาทต่อเดือน)
- เงินชดเชยตามจำนวนเงินที่ชำระค่าน้ำประปา ไม่เกิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ได้ลงทะเบียนกับ กปน. กปภ. ที่ใช้น้ำประปาไม่เกิน 315 บาทต่อเดือน จะได้รับเงินคืนค่าน้ำประปาไม่เกิน 100 บาท (ที่ได้ชำระเงินแล้ว) ส่วนที่เกินจาก 100 บาท ผู้ถือบัตรเป็นผู้ชำระเอง)
ทุกวันที่ 22 ของเดือน (สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และสะสมในเดือนถัดไปได้)
- เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาทต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีบัตรประจำตัวคนพิการและได้รับเงินเบี้ยความพิการ)
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คืออะไร ?
โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ เริ่มโครงการตั้งแต่ปี 2560 โดยให้ความช่วยเหลือค่าครองชีพผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ อาทิ
- วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นสำหรับผู้มีรายได้ไม่เกินกว่า 30,000 บาทต่อปี ได้รับ 300 บาทต่อเดือน และผู้ที่มีรายได้เกินกว่า 30,000 บาทแต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ได้รับ 200 บาทต่อเดือน
- วงเงินสำหรับค่าโดยสารเดินทาง
- วงเงินสำหรับค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ ได้แก่ ค่าก๊าซหุงต้ม ค่าไฟฟ้า และค่าน้ำประปา เป็นต้น กว่า 1,500 บาทต่อเดือน
ส่วนการลงทะเบียนโครงการฯ ในรอบใหม่นี้ เนื่องจากที่ผ่านมายังมีกลุ่มตกหล่นที่ไม่สามารถเข้าถึงโครงการและสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ข้อมูลผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในปัจจุบัน ไม่สามารถสะท้อนข้อมูลของผู้มีรายได้น้อยได้อย่างแท้จริง จึงจำเป็นต้องมีการลงทะเบียนรอบใหม่ในปี 2565 เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการระบุตัวผู้ มีรายได้น้อย และทำให้ฐานข้อมูลของประชาชนผู้มีรายได้น้อยเป็นปัจจุบัน
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ใครลงทะเบียนได้ ?
คุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ) รอบใหม่ มีดังนี้
- เป็นบุคคลสัญชาติไทย
- มีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
- ไม่เป็นบุคคลที่ไม่เข้าข่ายได้สิทธิ ได้แก่ ภิกษุ สามเณร นักพรต นักบวช ผู้ต้องขัง ผู้ถูกกักกัน ผู้ถูกกักขัง บุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ ข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ ผู้ได้รับบำเหน็จรายเดือน ผู้ได้รับบำนาญปกติ หรือเบี้ยหวัดจากส่วนราชการ ข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา
- รายได้บุคคลต่อปี ไม่เกิน 100,000 บาท และรายได้ครอบครัว เฉลี่ยต่อคนต่อปี ไม่เกิน 100,000 บาท
- ทรัพย์สินทางการเงิน (เงินฝาก สลาก พันธบัตร) รายบุคคล ต่อปีไม่เกิน 100,000 บาท และครอบครัว เฉลี่ยต่อคนต่อปี ไม่เกิน 100,000 บาท
- ไม่มีวงเงินกู้ หรือมีวงเงินกู้ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง แต่ไม่เกินหลักเกณฑ์ที่กำหนด (วงเงินสินเชื่อบ้าน ไม่เกิน 1.5 ล้านบาท วงเงินสินเชื่อรถ ไม่เกิน 1 ล้านบาท)
- ไม่มีบัตรเครดิต
- ไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข
กรณีผู้ลงทะเบียนไม่มีครอบครัว ต้องมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ตามเกณฑ์ ดังนี้
- ห้องชุด ไม่เกิน 35 ตารางเมตร
- หากที่ดินที่ถือครอง แยกจากที่อยู่อาศัย
กรณีใช้ประโยชน์ทางการเกษตร ต้องมีไม่เกิน 10 ไร่
กรณีไม่ได้ใข้ประโยชน์ทางการเกษตร ต้องมีไม่เกิน 1 ไร่ - หากที่ดินที่ถือครอง เป็นลักษณะที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง
ขนาดบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ห้องแถว และตึกแถว ต้องมีขนาดไม่เกิน 25 ตารางวา
ขนาดที่ดินกรณีใช้ประโยชน์ทางการเกษตร ต้องมีไม่เกิน 10 ไร่ หรือกรณีไม่ได้ใช้ประโยชน์ทางการเกษตร ต้องมีไม่เกิน 1 ไร่
ทั้งนี้ จะต้องมีขนาดพื้นที่รวมกันทั้งหมด กรณีเพื่อการเกษตร ไม่เกิน 10 ไร่ และไม่ใช่เพื่อการเกษตร ไม่เกิน 1 ไร่
กรณีผู้ลงทะเบียนมีครอบครัว ต้องมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ตามเกณฑ์ ดังนี้
- ห้องชุด
กรณีเป็นเจ้าของแยกจากกัน ต้องมีขนาดไม่เกิน 35 ตารางเมตร ต่อคน
กรณีเป็นเจ้าของร่วมกัน ต้องมีขนาดไม่เกิน 35 ตารางเมตร - หากที่ดินที่ถือครอง แยกจากที่อยู่อาศัย
กรณีใช้ประโยชน์ทางการเกษตร ต้องมีไม่เกิน 20 ไร่
กรณีไม่ได้ใช้ประโยชน์ทางการเกษตร ต้องมีไม่เกิน 2 ไร่ - หากที่ดินที่ถือครอง เป็นลักษณะที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง
ขนาดบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ห้องแถว และตึกแถว
กรณีเป็นเจ้าของแยกจากกัน ต้องมีขนาดไม่เกิน 25 ตารางวา ต่อคน
กรณีเป็นเจ้าของร่วมกัน ต้องมีขนาดไม่เกิน 25 ตารางวา
ขนาดที่ดินกรณีใช้ประโยชน์ทางการเกษตร ต้องมีไม่เกิน 20 ไร่ หรือกรณีไม่ได้ใข้ประโยชน์ทางการเกษตร ต้องมีไม่เกิน 2 ไร่
ทั้งนี้ จะต้องมีขนาดพื้นที่รวมกันทั้งหมด กรณีเพื่อการเกษตร ไม่เกิน 20 ไร่ และไม่ใช่เพื่อการเกษตร ไม่เกิน 2 ไร่
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รอบใหม่ ลงทะเบียนผ่านกี่คน ?
โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ) รอบใหม่ ซึ่งเปิดลงทะเบียนมาต้้งแต่เมื่อเดือนตุลาคม 2565 และมีการตรวจสอบข้อมูลการลงทะเบียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยยอดผู้ลงทะเบียนที่ผ่านการตรวจสอบข้อมูลและมีสถานะแสดงข้อความว่า “สถานะการลงทะเบียนสมบูรณ์” ที่ประกาศไป 3 รอบ มีจำนวน 19,647,241 ราย จากจำนวนผู้ลงทะเบียนทั้งสิ้น 22,295,183 ราย
ขณะนี้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งคุณสมบัติรายบุคคลและคุณสมบัติสมาชิกในครอบครัว และกระทรวงการคลัง จะทำการประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติให้ทราบ