คณิตศาสตร์ประกันภัย กับเคล็ดลับการเสี่ยงโชค

คณิต การพนัน
คอลัมน์ : คุยฟุ้งเรื่องการเงิน
ผู้เขียน : พิเชฐ เจียรมณีทวีสิน (ทอมมี่ แอคชัวรี)

ขึ้นชื่อว่าการพนัน ยังไงเสียเจ้ามือ หรือผู้ออกกฎกติกาก็ชนะวันยังค่ำ คนที่เล่นการพนันก็รู้อยู่เต็มอกว่าค่าเฉลี่ยสิ่งที่จะได้กลับคืนจะมีมูลค่าน้อยกว่าเงินที่เสียไป เพียงแต่การพนันของคนบางคนเป็นการเสี่ยงโชคเพื่อความสนุกสนาน หรือเข้าข้างว่าความโชคดีจะเข้าข้าง

ดังนั้น บทความนี้ไม่ได้สนับสนุนให้เล่นการพนัน เพียงแต่จะมาแชร์เทคนิคของนักคณิตศาสตร์ประกันภัย ที่จะช่วยคำนวณและออกแบบให้ตนเองได้เปรียบ หรือการสร้างกฎบางอย่างที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามคิดว่าเราเสียเปรียบ แต่เมื่อลองคิดดูอีกที ยังไงเราก็ยังได้เปรียบอยู่ดี แต่มีอยู่วิธีหนึ่งที่ไม่ว่าโอกาสจะออกเป็นเลขอะไร เราก็ไม่ต้องสนใจ ขอแค่ให้รักษาสายป่านเอาไว้ วิธีนี้เรียกว่า การบริหารเงินหน้าตักจากเทคนิคการแทงทบ หรือเรียกว่าทฤษฎีมาร์ติงเกล (Martingale)

หลักการคิดเมื่อแทงผิด ก็เพิ่มเงินพนันมากขึ้น 2 เท่า จากครั้งล่าสุดไปเรื่อย ๆ โดยสุดท้ายหากถูกแค่ครั้งเดียวก็จะสามารถคืนเงินขาดทุนได้ทั้งหมด แถมอาจจะกลับมาได้กำไรอีกด้วย ซึ่งมีกฎเหล็ก 3 ข้อ ที่จะทำให้วิธีแทงทบนี้สัมฤทธิผล ดังนี้

1.คำนวณหาโอกาสความน่าจะเป็น หรือสถิติของการจะทายได้ถูกมาก่อน เช่น ถ้าทายตัวเลขของลูกเต๋ามา 1 หน้า โอกาสก็จะเป็น 1 ใน 6 ซึ่งแน่นอนว่าคนที่ลงเล่นจะเสียเปรียบมาก (เพราะโอกาสถูกมีน้อยกว่าครึ่ง) แต่ถ้าเราเล่นเงื่อนไขให้มันซับซ้อนขึ้นมาอีกก็สามารถสร้าง เงื่อนไขพิเศษขึ้นมา เช่น ทำเป็น แทง 1 จ่าย 2 ซึ่งก็จะทำให้โอกาสที่จะชนะเฉลี่ยได้กลายเป็น 2 ใน 6 เป็นต้น

2.เงินหน้าตักนั้นได้คำนวณมาแล้วอย่างดีว่ามีเพียงพอ จะเล่นได้กี่ครั้ง หรือถ้ามีมากมายไม่จำกัดทำให้เล่นได้ นับครั้งไม่ถ้วน ก็ถือว่าเงื่อนไขนี้ผ่านเลย

3.คนที่แทงทบจะหยุดเล่นเมื่อไรก็ได้เมื่อได้เงินครบตามที่ตัวเองต้องการก็สามารถเลือกที่จะจบเกมได้ ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งนั้น ห้ามจบเกมเอาดื้อ ๆ

ในการใช้วิธีจำเป็นต้องอาศัยวินัยและการวางแผนที่รัดกุม

1.จะเห็นว่าเจ้ามือ หรือกาสิโนจะมีเงินหน้าตักที่มหาศาล หรือไม่จำกัด จึงทำให้ถ้าพนันกันต่อเนื่องเรื่อย ๆ แล้ว กาสิโนหรือเจ้ามือจะชนะในระยะยาว เพราะทุกเกมนั้นได้ถูกคำนวณด้วยคณิตศาสตร์ออกมาเรียบร้อยแล้ว ว่าระยะยาวนั้นจะมีโอกาสออกอะไรบ้าง

2.ในทางกลับกัน สำหรับผู้เล่นธรรมดาแล้ว ถ้าหากเงินบนหน้าตักไม่เพียงพอ อาจทำให้พอร์ตแตกได้ ซึ่งก็เป็นข้อจำกัดที่มีปัญหามากที่สุด และในการพนันจริง ๆ แล้ว ทางเจ้ามือจะกำหนดเงินขั้นต่ำ และขั้นสูงเอาไว้ เพื่อป้องกันคนที่จะมาใช้วิธีนี้ (ทางนั้นก็จ้างนักคณิตศาสตร์ มาคำนวณไว้ให้อย่างดีแล้วเช่นกัน)

อย่างไรก็ตาม มีคนเอากฎ 3 ข้อนี้ มาประยุกต์ใช้กับตลาดหุ้นอยู่เหมือนกัน ซึ่งตลาดหุ้นไม่มีการกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำ และขั้นสูงเอาไว้ แถมเราจะหยุดเล่นเมื่อไรก็ได้ ขอให้มีการบริหารและคำนวณการใช้เงินบนหน้าตักให้ดี ๆ และตั้งเป้าว่าจะลงครั้งละเท่าไรและเล่นเท่าไรจึงจะพอ แต่กฎที่ยากที่สุดในการเอาไปประยุกต์กับตลาดหุ้น ก็คือ กฎข้อแรก นั่นคือ การคำนวณหาโอกาสความน่าจะเป็น ทางสถิติว่าจะมีขึ้นหรือลงเท่าไร เพราะโอกาสที่หุ้นจะขึ้นหรือลง มันไม่ได้ตายตัวเหมือนการทอยลูกเต๋า

เทคนิคนี้ยังเคยมีคนเอามาประยุกต์ใช้กับการทำธุรกิจด้วย โดยถ้าเราอ่านประวัติของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จหลายคน เราจะเห็นว่าเขาก็เคยเติบโตมาจากกฎ 3 ข้อนี้ คือ เมื่อเจ๊งครั้งแรกก็ไปลงทุนเพิ่มอีกเท่าตัว และเมื่อเจ๊งครั้งที่สองก็ลงทุนเพิ่มอีกเท่าตัว และจะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ (ในประวัติจะเห็นว่ามีการกู้หรือเงินยืม จากคนในตระกูลด้วย) จนได้กำไรและเป็นมหาเศรษฐีในที่สุด เรียกว่าถ้าสายป่านยาวพอก็จะรอดนั่นเอง

ขอย้ำอีกครั้ง ว่าการพนันเป็นสิ่งที่ไม่ดี ซึ่งผมเขียนเพื่อแชร์เทคนิคทางคณิตศาสตร์ประกันภัยเพื่อให้รู้ว่า ทำไมคนที่สร้างกติกาสามารถใช้หลักการนี้ถึงชนะได้ในระยะยาว ซึ่งในทางปฏิบัติการบริหารเงินบนหน้าตักนั้นสำคัญที่สุดครับ