ผู้จัดการตลาดหุ้นไทย ออกโรงชี้แจง SET ร่วงเกือบ 50 จุด นักลงทุน “โอเวอร์รีแอ็กต์”

ภากร ปีตธวัชชัย

ผู้จัดการตลาดหุ้นไทย ออกโรงชี้แจง วันนี้หุ้นไทยร่วงเกือบ 50 จุด นักลงทุน “โอเวอร์รีแอ็กต์” แบงก์สหรัฐล้ม พ่วงราคาน้ำมันดิ่ง-ตลาดมองเศรษฐกิจทั่วโลกฟื้นตัวช้า ทุบ 3 เซ็กเตอร์ “การเงิน-พลังงาน-อิเล็กทรอนิกส์” ฉุดตลาด รับผลจากแรงขาย ‘ต่างชาติ-สถาบัน’ ชี้ภาคการเงินไทยแข็งแกร่ง เตือนอย่าตื่นตระหนก แนะจับตาตลาดเงินโลกให้ดี มีผลกระทบต่อความเคลื่อนไหวของดัชนีสูง

วันที่ 14 มีนาคม 2566 นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า การปรับตัวลงแรงของตลาดหุ้นไทยในวันนี้ถือว่าดัชนี SET Index ปิดต่ำสุดในรอบ 1 ปี 7 เดือน นับตั้งแต่ 6 ส.ค. 2564 ที่ปิดอยู่ที่ 1,521.72 จุด และมีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดในรอบ 1 เดือน นับจาก 15 ก.พ. 2566 ที่มีมูลค่ากว่า 114,246 ล้านบาท

โดยมองว่านักลงทุนในตลาดมีความกังวลมากเกินไป (Overreact) จากความไม่แน่นอนจากเหตุการณ์ที่ธนาคารในสหรัฐอเมริกามีการปิดตัวลง ประกอบกับตลาดหุ้นได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ลดลง 2.1% ซึ่งกระทบกลุ่มพลังงานอย่างรุนแรง

นอกจากนี้ ตลาดเริ่มมองว่าเศรษฐกิจทั่วโลกที่คาดว่าจะฟื้นตัวได้เร็วอาจจะฟื้นตัวได้ช้าลง จากการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด แต่ทั้งนี้ ความกังวลที่เกิดขึ้นไม่ได้กระทบต่อเศรษฐกิจไทย หรือแม้สถาบันการเงินไทย จึงอยากให้นักลงทุนพิจารณาตรงนี้ด้วย

โดยวันนี้เห็นแรงขายหนักใน 3 กลุ่มคือ 1.กลุ่มการเงิน 2.กลุ่มพลังงาน และ 3.กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีน้ำหนักต่อตลาดหุ้นไทยคิดเป็นสัดส่วนเกินกว่า 50% อย่างไรก็ดี ไม่ใช่ตลาดหุ้นไทยเพียงตลาดเดียวที่ปรับตัวลดลง แต่ตลาดหุ้นในเอเชียและยุโรปหลายแห่งมีการปรับตัวลงมาค่อนข้างมากเช่นกัน ในระดับ 2-3%

“การเปลี่ยนแปลงของดัชนี SET Index ที่ดิ่งลงเกือบ 50 จุด หรือกว่า 3% ยังอยู่ในระดับ working team ที่มีการพูดคุยหารือกัน แต่หากเกินกว่านั้นก็จะมีการรายงานให้ผู้บริหารหรือกระทรวงการคลังรับทราบต่อไป”

โดยนักลงทุน 3 กลุ่มที่มีการขายสุทธิคือ นักลงทุนต่างชาติมูลค่า 4,727 ล้านบาท สถาบันในประเทศ 2,442 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ 2,601 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิไปกว่า 9,770 ล้านบาท

“ช่วงท้ายตลาดที่ดัชนีดิ่งแรงเป็นเพราะตลาดหุ้นไทยซึ่งมีสภาพคล่องสูง และเป็นตลาดสุดท้ายในเอเชียที่เปิดทำการอยู่ เพราะฉะนั้นเวลาเซนติเมนต์เกิดขึ้นเราจะได้รับโฟลว์หรือคำสั่งขายจากตลาดหุ้นอื่นที่ปิดไปแล้วเข้ามาค่อนข้างเยอะ ซึ่งอาจจะไม่ได้เกี่ยวกับการบังคับขายหุ้น (ฟอร์ซเซล) และการชอร์ตเซลมากผิดปกติ โดยวันนี้เรามอนิเตอร์การชอร์ตเซลทั้งวัน พบว่ายังไม่ผิดปกติ หรือยังต่ำกว่า 10%” ผู้จัดการตลาดหุ้นไทยกล่าว

ทั้งนี้ เชื่อว่าภาวะ Overreact ของนักลงทุนในตลาดน่าจะสิ้นสุดลงได้ภายในคืนนี้ เพราะจะมีการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ (CPI) ออกมา แต่จากที่ทางการสหรัฐได้ออกมาตรการประกันเงินฝาก และมีธนาคาร HSBC เข้าไปซื้อธนาคาร Silicon valley bank สาขาอังกฤษไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถือว่าการแก้ปัญหาของทั้งสองประเทศเป็นไปอย่างรวดเร็วและเข้มแข็งมาก ซึ่งไม่เคยเห็นมาตรการอะไรที่เด็ดขาดและรวดเร็วแบบนี้มาก่อน ในการออกมาป้องกันความตื่นตระหนกของผู้ฝากเงิน

ผู้จัดการตลาดหุ้นไทยกล่าวต่อว่า ปีนี้ความไม่แน่นอนเรื่องโควิดและสงครามรัสเซีย-ยูเครนน่าจะลดลง แต่ความไม่แน่นอนเรื่องสภาพคล่องลดลงและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นและฟันด์โฟลว์มากกว่าปีที่แล้ว เพราะฉะนั้นโปรดติดตามตัวเลขข้อมูลเรื่องเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย และสภาพคล่องต่าง ๆ ของตลาดเงินโลกให้ดี เพราะจะมีผลกระทบต่อความเคลื่อนไหวของดัชนีเป็นอย่างมาก

กับอีกด้านหนึ่งคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจแต่ละประเทศ ที่จะฟื้นตัวไม่เท่าเทียมกัน โดยประเทศไทยปีนี้การฟื้นตัวน่าจะดีกว่าปีที่แล้วด้วยซ้ำในบางเซ็กเตอร์ เช่น การท่องเที่ยว การบริโภค ธุรกิจโรงแรม โรงพยาบาล และร้านอาหาร เพราะได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศและมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวเสริมว่า อยากจะฝากนักลงทุน 3 ประเด็นคือ 1.สาเหตุที่ทำให้แบงก์สหรัฐล้มละลายเป็นลักษณะเฉพาะ 2.เห็นความรวดเร็วของมาตรการและความเพียงพอของมาตรการที่ทางการสหรัฐดำเนินการ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถช่วยให้วิกฤตไม่ลุกลามไปยังสถาบันการเงินอื่น ๆ

แต่ทั้งนี้ คงต้องติดตามว่าจะมีมาตรการเพิ่มเติมหรือเกิดการปิดตัวของแบงก์สหรัฐอื่น ๆ อีกหรือไม่ และ 3.ความมั่นคงของธนาคารพาณิชย์ไทย ซึ่งทาง ธปท.ได้ชี้แจงแล้วว่ามีฐานเงินทุนที่เพียงพอ และพอร์ตเงินฝากนำไปลงทุนกระจายสัดส่วนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ดังนั้น ขออย่าตื่นตระหนก