หุ้นเวียดนาม คว้าโอกาสท่ามกลางพายุ

โดย ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ CEO Jitta Wealth

เศรษฐกิจเวียดนามเติบโตดี เงินเฟ้อลด แต่ทำไมหุ้นยังร่วง

สำนักงานสถิติเวียดนามประกาศตัวเลขเศรษฐกิจเดือนกุมภาพันธ์ กลับมาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง อัตราเงินเฟ้อเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ 4.31% ลดลงจาก 4.89% อัตราเงินเฟ้อเวียดนามผ่านจุดพีกไปแล้ว แต่ทางด้าน No Va Land บริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ของเวียดนามก็ขอยืดเวลาจ่ายคืนเงินต้นของหุ้นกู้ หรืออีกทางเลือกคือจะรับอสังหาฯ ของบริษัทแทนเงินต้นของหุ้นกู้ก็ได้ เพราะสร้างออกมาเยอะแต่ขายไม่ออก

ซ้ำเติมด้วยข่าวหมู่บ้านสุดหรูที่ถูกปล่อยทิ้งร้าง เพราะสร้างเสร็จแล้วแต่ขายไม่ได้เช่นกัน จากการที่อสังหาฯ ในเวียดนามมีการเก็งกำไรสูง ไม่ใช่ Demand ที่อยู่อาศัยจริง กลายเป็นความกังวลว่าธุรกิจอสังหาฯ และธนาคารของเวียดนามจะ ‘รอด’ จากปัญหานี้ไปได้นานแค่ไหน

ที่ผ่านมารัฐบาลเวียดนามก็เข้ามาจัดการปัญหานี้แล้วด้วยการใช้ไม้แข็ง ปล่อยบริษัทที่มีปัญหาให้ล้มละลาย หรือหากไม่ล้มละลายก็ต้องยอมขายสินทรัพย์เพื่อชดใช้หนี้ที่ตัวเองก่อ บริษัทอสังหาฯ ที่กู้หนี้ยืมสินมาเยอะ หวังให้ธุรกิจเติบโตเร็วแบบจับเสือมือเปล่าก็ต้องรับผลจากการกระทำของตัวเอง ส่วนบริษัทที่สถานะการเงินดี ทำธุรกิจโปร่งใส ทุกอย่างก็เป็นไปตามปกติ

ปัญหาในภาคอสังหาฯ เวียดนามตอนนี้จึงเป็นปัญหารายบริษัท รายอุตสาหกรรม ไม่ใช่วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดจากการทำนโยบายที่ผิดพลาดแบบ วิกฤตต้มยำกุ้ง ปี’40 ที่ไทยเราเคยผ่านมา ฝั่งธนาคารพาณิชย์ที่ปล่อยกู้ภาคอสังหาฯ เยอะก็ต้องรับผลกระทบเช่นกัน หนี้เสียหรือ NPL ก็จะสูงขึ้น มีค่าใช้จ่ายตั้งสำรองหนี้เสียมากขึ้น กำไรก็จะลดลง ส่วนธนาคารอื่นที่ไม่ได้ปล่อยกู้เยอะก็ทำธุรกิจไปตามปกติ

ส่วนเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อและค่าเงินดองจนดอกเบี้ยเงินฝากสูง 8-9% ต่อปีก็เป็นไปตามวัฏจักรเศรษฐกิจโลก เป็นปัจจัยภายนอกที่หลายประเทศได้รับผลกระทบ ไม่ใช่เฉพาะเวียดนามครับ ข่าวร้ายเยอะแบบนี้ ตลาดหุ้นเวียดนามช่วงนี้จึงน่าลงทุนครับ เพราะถ้าพิจารณาให้รอบคอบ หุ้นเวียดนามตกยกแผง ทั้ง ๆ ที่ปัญหาเกิดขึ้นเฉพาะรายบริษัท รายอุตสาหกรรมเท่านั้น และรัฐบาลก็เข้ามาจัดการแล้ว

ถ้าไม่เชื่อลองถามนักลงทุนต่างชาติดูก็ได้ เพราะตั้งแต่เกิดปัญหามา โควตาการถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติหรือ Foreign Ownership Limit ชนเพดานตลอดไม่เคยลดลง แปลว่าหุ้นดี ๆ ของเวียดนามยังเป็นที่ต้องการ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ‘อคติจากการสุ่มตัวอย่าง’ หรือ Sampling Bias เป็นสิ่งที่นักลงทุนยุคดิจิทัลต้องระวัง ไม่ใช่พอเห็นสื่อหลายสำนักออกข่าววิกฤตเวียดนามเยอะ ๆ ก็เชื่อไปแล้วว่าจริง โดยไม่ได้ดูข้อมูลให้รอบด้าน

อย่าลืมนะครับจุดเด่นของเวียดนามก็ยังอยู่ครบ ทั้งเรื่องประชากรวัยหนุ่มสาวที่มีเยอะ ทำเลที่ตั้งก็อยู่ใกล้จีนและอินเดีย แถมยังเชื่อมต่อกับภูมิภาคอาเซียนและเอเชียได้สะดวก เข้าถึงประชากรกว่า 50% ของโลกได้ง่าย การที่ทั้ง Apple Samsung Intel และ Microsoft เลือกเวียดนามเป็นฐานการผลิตพิสูจน์เรื่องนี้ได้ เพราะกว่าที่บริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้จะเลือกสักประเทศเป็นฐานการผลิต ย่อมคิดมาแล้วว่าคุ้มค่าในระยะยาว

ถ้าเลือกตั้งฐานการผลิตในเวียดนาม ได้ทั้งการขายในตลาดเวียดนามที่เศรษฐกิจโตเร็ว ได้ทั้งการผลิตเพื่อส่งออก และได้หนีผลจากสงครามการค้าสหรัฐ-จีนไปในตัว กิน 3 ต่อเข้าฮอสเลยครับ ถ้าคุณสามารถเลือกลงทุนหุ้นเวียดนามรายตัวที่ไม่ได้รับผลจากปัญหาภาคอสังหาฯ ได้ มีสถานะทางการเงินแข็งแกร่ง ผลประกอบการเติบโต โอกาสทำกำไรจากตลาดหุ้นเมืองลุงโฮก็อยู่ไม่ไกลครับ