นักลงทุน JAS-JASIF ต้องรู้ ? หากเกิดกรณีเลวร้ายสุด

JAS JASIF

JASIF เสี่ยงราคาหุ้นดิ่งหนัก กังวลปัญหาสภาพคล่อง 3BB บล.กสิกรไทย หั่นราคาเป้าลง 16.7% เหลือ 7 บาท ปรับคำแนะนำเป็น “ขาย” กางกรณีเลวร้ายสุดหวั่นทุบราคาเหลือ 4.3 บาท ชี้ย้ายเล่น DIF เงินปันผลชัวร์กว่า สำหรับนักลงทุนระยะยาว

วันที่ 24 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวานนี้ (23 มี.ค. 2566) ราคาหุ้นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) ปิดตลาดอยู่ที่ราคา 7 บาท ปรับตัวร่วงลงอย่างหนักกว่า 9.09% เทียบจากราคาปิดวันก่อนหน้า ลงไปทำจุดต่ำสุดที่ราคา 6.80 บาท หรือปรับตัวลดลงกว่า 11.7%

โดยนักลงทุนกังวลจากปัญหาสภาพคล่องซึ่งเป็นปัจจัยลบกดดันอย่างหนัก หลังจากบริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ 3BB ขอเลื่อนการชำระเงินและต้องการเจรจาเงื่อนไขสัญญาเช่าใหม่ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะมีการผิดนัดชำระหนี้หรือ DPU ที่อาจลดลง

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) รายงานว่า จากข่าวที่เกิดขึ้น มีมุมมองเป็นลบจากความสามารถในการจ่ายของ 3BB ที่แย่กว่าที่คาด และดีลการเข้าซื้อกิจการของ ADVANC ที่ถูกดีเลย์จากไตรมาส 1 ออกไปเป็นไตรมาส 2

จึงได้ปรับลดราคาเป้าหมาย JASIF สิ้นปี 2566 ลงกว่า 16.7% หรือจาก 8.4 บาท เป็น 7 บาท และปรับคำแนะนำ “ถือ” ลงมาเป็น “ขาย” โดยแนะนำให้เปลี่ยนตัวเล่นเป็น DIF สำหรับนักลงทุนระยะยาว ที่ต้องการเงินปันผลค่อนข้างชัวร์กว่า

มองความเป็นไปได้ 3 กรณี

ทั้งนี้จากข่าวที่เกิดขึ้นมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น 3 กรณีคือ

1.กรณีดีที่สุดคือ การขอเลื่อนการชำระค่าเช่าบางส่วนที่เกิดขึ้นจะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว กินระยะเพียงไม่กี่วัน ปัญหาสภาพคล่องต่าง ๆ ก็จะหายไปภายหลังที่ ADVANC เข้าซื้อ 3BB จาก JAS ในอีก 1-2 เดือน

2.กรณีที่สอง การซื้อขายกิจการที่ล่าช้าออกไป และปัญหาสภาพคล่องของ 3BB ที่เพิ่มสูงขึ้น อาจจะนำไปสู่การเรียกประชุมผู้ถือหน่วยใหม่เพื่อพิจารณาในเรื่องการปรับสัญญาเช่า และอิงสัญญาจากข้อเสนอ ADVANC เดิมที่เคยเสนอเข้ามา

และ 3.กรณีที่เลวร้ายที่สุด เจอข่าวที่เกิดขึ้นจะนำไปสู่การขอยกเลิกสัญญาประกันรายได้ ที่ 3BB มีสัญญากับ JASIF

“ในกรณีที่ดีที่สุดจะได้ราคาเหมาะสมของ JASIF ที่ 9.7 บาท ส่วนกรณีที่สองได้ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 7.95 บาท ส่วนกรณีสุดท้ายกรณีเลวร้ายที่สุด มูลค่าเหมาะสมลงไปอยู่ที่ 4.3 บาท”

“โดย 3BB ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ JAS ได้ทำหนังสือส่งไปที่ บลจ.บัวหลวง เพื่อขอผ่อนผันการชำระค่าเช่า โดยค่าเช่าทั้งปีที่ 3BB ต้องจ่ายให้แก่ JASIF อยู่ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท หรือประมาณไตรมาสละ 2,500 ล้านบาท หรือตกเดือนละ 830 ล้านบาท โดยจ่ายมาแล้ว 700 ล้านบาท เหลือติดค้างอยู่เกือบ 200 ล้านบาท

ซึ่งมีเดดไลน์ที่จะต้องจ่าย คือภายในวันที่ 31 มี.ค. 2566 ซึ่งแบงก์อาจจะไม่ให้ความช่วยเหลือทางการเงินหลังจากผิดสัญญามา 2 ปีแล้ว นอกจากนี้ยังมีการขอเจรจาเพื่อปรับสัญญาเช่าเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพของการแข่งขันและความสามารถในการจ่ายของ 3BB อีกด้วย”

โบรกฯ ชวนจับตา 3 ประเด็น

นายพิสุทธิ์ งามวิจิตวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ประเด็นที่เราต้องติดตามดูต่อไปคือ 1.จะมีการผิดชำระหนี้หรือไม่ (วันที่ 31 มี.ค. จะมีเงิน 200 ล้านบาทมาจ่ายได้ทันไหม) 2.แล้วถ้าจ่ายทันเดือนนี้แล้วเดือนหน้าจะจ่ายได้ไหม

และ 3.เงื่อนไขบังคับก่อนที่บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ทำดีลกับบริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ที่จะซื้อ 3BB และ JASIF ซึ่งปัจจัยที่เกิดขึ้นนั้นจะถือเป็นความเสี่ยงเพิ่มขึ้นมา แม้จะเชื่อว่าจริง ๆ ทาง ADVANC ยังอยากจะซื้อ 3BB ก็ตาม

โดยความเห็นสำหรับ JAS นักลงทุนรายย่อยเสียเปรียบ ข้อมูลน้อยและช้า ในเชิงมูลค่า JAS ถ้าทำดีลเสร็จ เงินสดที่จะได้หลังจากหักทุกอย่างแล้วจะอยู่ที่ 2.25 บาทต่อหุ้น แต่ถ้าดีลล้มตอนนี้ book value อยู่ที่ 0.1 บาทต่อหุ้น จึงมองว่าหุ้น JAS เป็นหุ้นสำหรับนักเก็งกำไรไม่ใช่นักลงทุน

ดังนั้นถ้าวันนี้ราคาหุ้นลงไปต่ำกว่าราคาเป้าหมาย (ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 2.25 บาท ยังคงให้คำแนะนำ “ถือ”) ประมาณ 33% หรือ 1 ใน 3 หรือประมาณ 1.50 บาท อาจจะเหมาะสำหรับนักเก็งกำไรที่คาดว่าดีล ADVANC จะเกิดขึ้น แต่ถ้าวันนี้หุ้นดันขึ้นทะลุ 2 บาท มองว่าไม่น่าตาม

“ตอนนี้มีหุ้นเกี่ยวข้องอยู่ทั้งหมด 4 ตัวคือ 1.คู่กรณีคือ JAS ที่เป็นบริษัทแม่ของ 3BB กับ JASIF ซึ่งเป็นผู้ปล่อยเช่า 2.ADVANC คือ ผู้ที่อยากจะซื้อ 3BB กับ JASIF และ 3.แบงก์ที่ปล่อยกู้ตัว JAS กับ 3BB

โดยผู้เล่นที่กระทบน้อยที่สุดคือ ADVANC เพราะยังไม่ได้ซื้อ ถ้าเกิดเหตุการณ์ความเสียหายหนักหรือแย่ลง ก็ล้มดีล ถ้ายังพอไปต่อได้ก็ซื้อ ถ้าโชคดีไปต่อรองค่าเช่ากันได้ ก็ซื้อของดีราคาถูก ดังนั้น ADVANC ได้เปรียบที่สุด

ต่อมาหุ้นที่ถูกกระทบระดับกลาง ๆ คือ JAS เพราะสุดท้ายต่อให้ 3BB ขาดสภาพคล่องอย่างไร แต่ ADVANC ยอมซื้อ JAS จะได้เงิน 3.77 บาทต่อหุ้น โดยกรณีเลวร้ายที่สุดของ JAS คือ ADVANC ล้มดีล ซึ่งเชื่อว่าโอกาสที่จะเกิดน่าจะน้อย แน่นอนว่าผู้ที่รับผลกระทบหนักที่สุดคือ JASIF ดีที่สุดคือได้ค่าเช่าเท่าเดิม แย่ลงก็คือถูกต่อรองค่าเช่า หรือแย่ที่สุดคือค่าเช่าเหลือศูนย์ ดังนั้นจะมีแต่แย่มากหรือแย่น้อย ไม่มีดีขึ้น ตามข้อมูลในปัจจุบัน”