ชะตากรรม STARK เจ้าหนี้ระทึก 16 มิ.ย. เปิดงบฯ การเงิน-แผนธุรกิจ

หุ้น STARK

ลุ้นกันตัวโก่งเลยทีเดียวว่า บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น STARK จะเดินไปสู่จุดไหน หลังจากบริษัทประสบปัญหามาอย่างต่อเนื่อง ไม่ส่งงบฯ ปี 2565 มีการเปลี่ยนคณะกรรมการยกชุด และต่อมาสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สั่งให้มีการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (special audit) เกี่ยวกับการขาย ลูกหนี้ รายการบัญชีอื่นที่เกี่ยวข้อง และการรับโอนเงินของกลุ่มบริษัท

โดย STARK มีหุ้นกู้จำนวน 5 รุ่น ที่เสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ มูลค่าหนี้คงค้างรวม 9,198.4 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ผู้ถือหุ้นกู้ 2 รุ่น มีมติไม่ยกเว้นเหตุผิดนัด พร้อมเรียกร้องให้หนี้เงินต้นและดอกเบี้ยถึงกำหนดชำระโดยพลันรวมวงเงิน 2,241 ล้านบาท

เปิดเทรดชั่วคราวราคาหุ้นร่วง

เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดให้ซื้อขายหุ้น STARK ชั่วคราว เป็นเวลา 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1-30 มิ.ย. 2566 โดยกำหนดต้องซื้อด้วยบัญชี cash balance (ผู้ซื้อต้องชำระเงินทั้งจำนวนก่อนการซื้อหุ้น) ซึ่งเพียงวันแรกที่เปิดเทรด ราคาหุ้นรูดจาก 2.38 บาท ลงไปที่ 0.18 บาท

ทริสฯหั่นเครดิตองค์กรเป็น “D”

นอกจากนี้ ทริสเรทติ้ง ยังออกมาประกาศปรับลดอันดับเครดิตองค์กร STARK เป็น “D” เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากเพิ่งประกาศปรับลดเป็น “C” จากเดิม  “BB-” พร้อมคงเครดิตพินิจ แนวโน้ม “negative” หรือ “ลบ” ไปเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. เนื่องจากบริษัทผิดนัดชำระดอกเบี้ยสำหรับหุ้นกู้หมายเลข STARK239A และ STARK249A

ทั้งนี้ ตามประกาศของนายทะเบียนผู้ถือหุ้นกู้ของบริษัท ลงวันที่ 2 มิถุนายน 2566 ได้แจ้งว่าบริษัทได้ตัดสินใจระงับการชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ดังกล่าว ซึ่งมีกำหนดชำระดอกเบี้ยในวันที่ 2 มิถุนายน 2566

เส้นตายชำระหนี้ใน 30 วัน

แหล่งข่าวจากวงการตลาดตราสารหนี้ไทยกล่าวว่า STARK มีภาระหนี้ทางการเงินที่ต้องชำระอย่างเร่งด่วนภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ทำหนังสือเรียกให้ชำระหนี้ หุ้นกู้ 2 รุ่น รวมถึงการผิดนัดไขว้ (cross default) ของหุ้นกู้อีก 3 ชุด (หุ้นกู้หมายเลข STARK245A, STARK255A และ STARK242A) เงินต้นค้างชำระรวม 6,957.4 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้ ในการประชุมผู้ถือหุ้นกู้รอบแรก เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2566 ที่ประชุมมีมติยกเว้นเหตุผิดนัด ทั้ง 5 รุ่น แต่การประชุมรอบ 2 เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2566 ผู้ถือหุ้นกู้ 2 รุ่น มีมติไม่ยกเว้นเหตุผิดนัดและใช้สิทธิ พร้อมเรียกให้หนี้เงินต้นและดอกเบี้ยภายใต้หุ้นกู้ทั้งหมด

ซึ่งน่าจะเกิดจากผู้ถือหุ้นกู้บางส่วน มองว่าใครขยับก่อน ก็จะได้สิทธิในการรับชำระคืนหนี้ก่อน ข้อสังเกตที่ชัดเจนก็คือ หุ้นกู้ดังกล่าวส่วนใหญ่จะครบกำหนดปีนี้ จึงมองกันว่าไม่ควรจะไปกองรวมเพื่อเกลี่ยหนี้

ตาราง STARK

ลุ้นเปิดงบฯ การเงิน-แผนธุรกิจ 16 มิ.ย.นี้

“ถ้า STARK ไม่สามารถชำระหนี้ได้ภายใน 30 วัน จะเป็นการผิดนัดชำระหนี้ทันทีทั้งหมด 5 รุ่น เชื่อว่าตอนนี้ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ 3 ชุด ที่ได้ยกเว้นเหตุผิดนัดชำระไป ก็คงไม่มีทางเลือก คงกำลังเตรียมฟ้อง แต่ต้องรอ STARK ประกาศงบฯ และแผนธุรกิจของบริษัท ในวันที่ 16 มิ.ย.นี้ก่อน”

เลวร้ายสุดคือ “ฟื้นฟูกิจการ”

แหล่งข่าวกล่าวว่า มองในกรณีเลวร้ายที่สุด STARK ไม่สามารถชำระหนี้ได้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นจะคล้ายกับกรณี บมจ.การบินไทย คือ ต้องเข้าสู่กระบวนการขอฟื้นฟูกิจการ และเมื่อศาลรับคำร้องจะเข้าสู่ “สภาวะพักชำระหนี้” (automatic stay) แล้วนำกองหนี้-สินทรัพย์ มารวมแล้วเฉลี่ยจ่ายหนี้ อย่างไรก็ดี คงต้องพิจารณาส่วนทุนของ STARK ที่จะเปิดเผยในวันที่ 16 มิ.ย.นี้ก่อน ซึ่งหากออกมาแล้วไม่เพียงพอ คาดว่า STARK น่าจะต้องเจรจาปรับโครงสร้างหนี้

หุ้นกู้ไฮยีลด์เสี่ยงขายยากขึ้น

สำหรับสถานการณ์ด้านสภาพคล่องการซื้อขายหุ้นกู้ทั้งระบบตอนนี้ แหล่งข่าวกล่าวว่า กลุ่มระดับลงทุน (investment grade) ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนสถาบัน ไม่มีปัญหาอะไร อาจจะมีความตึงอยู่บ้าง แต่ผ่านไปได้ แต่กลุ่มไฮยีลด์ต้องจับตา เพราะว่าถ้าไดนามิกไม่ดี จากความเชื่อมั่นของนักลงทุนถดถอย หมายความว่าการโรลโอเวอร์อาจจะทำได้ไม่เต็มจำนวน

ยกตัวอย่าง เช่น หุ้นกู้ครบกำหนดไถ่ถอนมูลค่า 1,000 ล้านบาท หากออกใหม่ 1,000 ล้านบาท อาจจะขายได้แค่ 800 ล้านบาทเท่านั้น

“กลุ่มบริษัทที่ขายหุ้นกู้ไฮยีลด์เหล่านี้ ถ้าไม่มีสถาบันการเงินสนับสนุนอาจจะดูมีความเสี่ยง ฉะนั้นแต่ละบริษัทอาจจะต้องตั้งรับเผื่อแผนการไว้ เช่น มีเงินของกรรมการมารองรับไว้ด้วย ซึ่งถ้าเป็นบริษัทเล็ก ๆ เงินของกรรมการอาจรองรับได้

เช่น วงเงินหุ้นกู้รุ่นละ 300-500 ล้านบาท แต่ถ้าหุ้นกู้ 1,000-2,000 ล้านบาท คล้าย ๆ กรณี STARK และไม่มีสถาบันการเงินรองรับ อาจจะต้องลดอัตราส่วนวัดภาระหนี้สิน (leverage ratio) หรือการขยายธุรกิจต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ธุรกิจล้ม” แหล่งข่าวกล่าว

หลังจากนี้คงต้องติดตามลุ้นกันว่า STARK จะแก้ปัญหาหนี้ทั้งหมดได้อย่างไร ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนในวันที่ 16 มิ.ย.นี้