
บมจ.สิงห์ เอสเตท หรือ “S” ยื่นไฟลิ่งเสนอขายหุ้นกู้ต่อประชาชนเป็นการทั่วไป อายุหุ้นกู้ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยระหว่าง 5.00-5.10% ต่อปี ทริสเรทติ้งจัดอันดับความน่าเชื่อถือองค์กร “BBB+” แนวโน้ม “คงที่” (Stable) อันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้ “BBB” ซึ่งเป็นกลุ่ม “ระดับลงทุน” จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน คาดเสนอขายได้ในช่วงเดือนสิงหาคม 2566
วันที่ 20 มิถุนายน 2566 บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ “S” ได้ยื่นคำขออนุญาตและแบบแสดงรายการข้อมูลตราสารหนี้ (filing) เพื่อเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยเป็นหุ้นกู้อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยระหว่าง 5.00-5.10% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน คาดว่าจะเสนอขายต่อประชาชนเป็นการทั่วไประหว่างวันที่ 8-10 สิงหาคม 2566

โดยบริษัทได้แต่งตั้งสถาบันการเงิน 4 แห่ง เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย และบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร โดยจะประกาศอัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนอีกครั้งภายในเดือนกรกฎาคมนี้
ทริสจัดอันดับเครดิต “BBB”
สำหรับหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2566 ที่ระดับ “BBB” ซึ่งเป็นกลุ่ม “ระดับลงทุน” (Investment Grade) ขณะที่อันดับความน่าเชื่อถือองค์กรอยู่ที่ระดับ “BBB+” แนวโน้ม “คงที่” (Stable) โดยทริสเรทติ้งระบุว่า อันดับความน่าเชื่อถือดังกล่าวสะท้อนผลการดำเนินงานในธุรกิจโรงแรมของบริษัท ที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนแผนการขยายโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ
รวมถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้ง ที่มองว่าภาระหนี้สินของบริษัท จะยังคงอยู่ในทิศทางที่ลดลงในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ อันดับความน่าเชื่อถือยังสะท้อนถึงคุณภาพที่ดีของสินทรัพย์โรงแรมของบริษัท ตลอดจนแบรนด์ที่อยู่อาศัยที่ได้รับการยอมรับอย่างดี มีผลการดำเนินงานตามแผน และรายได้ประจำจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์อีกด้วย
นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ “S” เปิดเผยว่า มั่นใจว่าหุ้นกู้ของบริษัท จะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ลงทุนที่เชื่อมั่นในแบรนด์ “สิงห์ เอสเตท” ทั้งจากความแข็งแกร่งของธุรกิจในฐานะผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ที่มีความเข้มแข็งทั้งโครงสร้างธุรกิจ ฐานะการเงิน และการดำเนินการภายใต้หลักบรรษัทภิบาลที่มีเป้าหมายในการสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยเฉพาะในปี 2566 ซึ่งเป็นปีที่บริษัท ประกาศขับเคลื่อนธุรกิจอย่างเต็มกำลัง ด้วยกลยุทธ์ “S EXCELS” มุ่งสู่ความเป็นเลิศในทุกมิติ เพื่อผลการดำเนินงานที่เป็นเลิศและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดันเป้าหมายรายได้และกำไรที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All-time High)
ทั้งนี้ บริษัทประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ครอบคลุม ธุรกิจโรงแรม ภายใต้การบริหารงานของ “เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท” (SHR) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นอย่างชัดเจนในปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบัน SHR เป็นเจ้าของโรงแรมทั้งสิ้นจำนวน 38 แห่ง ห้องพัก 4,552 ห้อง ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญกระจายอยู่ใน 3 ภูมิภาค 5 ประเทศ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัย บริษัทมีนโยบายในการพัฒนาทั้งแนวสูงและแนวราบหลากหลายรูปแบบ ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม และโฮมออฟฟิศ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า ได้แก่ ศูนย์การค้าและอาคารสำนักงานให้เช่า ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงและให้ผลตอบแทนต่อการลงทุนอยู่ในเกณฑ์ดี รวมถึงธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน
สำหรับผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2566 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 71 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนปกติ 126 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2565 ซึ่งเป็นผลมาจากธุรกิจโรงแรมขยายตัวได้ดีจากการเปิดประเทศทั่วโลก สร้างรายได้จากการขายและให้บริการจำนวน 2,544 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นประมาณ 51% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และยังมีทิศทางฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ธุรกิจที่อยู่อาศัยในปีนี้ บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการบ้านแนวราบอีก 5 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท พร้อมกับเดินหน้าทำตลาดคอนโดมิเนียมที่กลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่ม Ready-to-Move-in สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า และธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน ก็ยังมีแนวโน้มดีอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
โดยบริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ในปีนี้ทั้งปีไว้ที่ 16,700 ล้านบาท “สิงห์ เอสเตท” มุ่งมั่นขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ภายใต้วิสัยทัศน์สร้างความหลากหลายที่สมดุล เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน (Sustainable Diversity) ด้วยพันธสัญญาในการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น การส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่เป็นเลิศให้แก่ลูกค้า สร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม และสร้างความสมดุลในการดำเนินธุรกิจ พร้อมอนุรักษ์ความสมบูรณ์ของสิ่งแวดล้อมในพื้นที่
และในปี 2566 นี้ ได้รับคัดเลือกให้เป็นหุ้นยั่งยืนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมถึงได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการในระดับ 5 ดาว หรือ “ดีเลิศ” (Excellent CG Scoring) ล่าสุดได้รับรางวัล Most Admired Company ในสาขาความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งเราเชื่อว่าทั้งหมดนี้จะทำให้ผู้ลงทุนมั่นใจและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ หุ้นกู้ สิงห์ เอสเตท คาดว่าจะเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนในระหว่างวันที่ 8-10 สิงหาคม 2566 ผ่าน 4 สถาบันการเงินชั้นนำทั่วประเทศ ได้แก่
1.ธนาคารกรุงเทพ
2.ธนาคารกรุงไทย
3.ธนาคารกสิกรไทย
4.บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร
ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งยังไม่มีผลใช้บังคับ สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากร่างหนังสือชี้ชวนได้ที่ www.sec.or.th