เศรษฐีตื่นขอคำปรึกษาแบงก์รับกฎใหม่ CRS ไล่ล่าภาษีทรัพย์สินทั่วโลก

เศรษฐีตื่นขอคำปรึกษาแบงก์

แบงก์เร่งให้คำแนะนำลูกค้ามั่งคั่ง-สินทรัพย์สูง เตรียมรับมือเกณฑ์แลกเปลี่ยนข้อมูลการเงินกับทั่วโลก “CRS” เครื่องมือไล่ล่าภาษีของสรรพากรทั่วโลก มีผลบังคับใช้กันยายน 2566 “กสิกรไทย” เผยมีลูกค้าลงทุนต่างประเทศราว 30-40% จากฐานลูกค้ามั่งคั่ง 1.2 หมื่นบัญชี สอบถามข้อมูลคึกคัก แนะวางแผนภาษีรับมือกติกาใหม่ “ซีไอเอ็มบี ไทย” เผยส่งทีมให้คำปรึกษาลูกค้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากที่ประเทศไทยได้ลงนามความร่วมมือกับ OECD ในการป้องกันการหลบหลีก หรือหลีกเลี่ยงภาษี และมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลการเงินตามมาตรฐานสากลเช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีของประเทศ จึงได้มีสัญญาระหว่างประเทศที่กำหนดกรอบการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการเงินแบบอัตโนมัติตาม Common Reporting Standard (CRS)

โดยกรมสรรพากรจะมีการส่งข้อมูลทางการเงินของผู้ที่ไม่มีถิ่นที่อยู่ทางภาษีในประเทศไทยให้กับประเทศคู่สัญญาเป็นรายปี ขณะเดียวกัน คนไทยที่ไปลงทุนในต่างประเทศ กรมสรรพากรของประเทศนั้น ๆ ก็จะส่งข้อมูลทางการเงินอัตโนมัติกลับมาให้ประเทศไทย ถือเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้สรรพากรทั่วโลกเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีคนไทยที่มีทรัพย์สินอยู่ต่างประเทศ มีรายได้ที่เกิดขึ้นในต่างประทศ ข้อมูลจะถูกส่งแบบอัตโนมัติ ทำให้ต้องมีการเสียภาษีอย่างถูกต้อง

นายพีระพัฒน์ เหรียญประยูร Managing Director, Wealth Planning and Non Capital Market Head ใน Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากข้อตกลงแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการเงินอัตโนมัติ (CRS) จะมีผลบังคับใช้ในไตรมาสที่ 3/2566 โดยกรมสรรพากรจะเริ่มมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งพบว่าลูกค้ากลุ่มมั่งคั่งและสินทรัพย์สูงให้ความสนใจและทยอยเข้ามาขอคำปรึกษา เพื่อวางแผนรับมือในเรื่องดังกล่าวเพิ่มขึ้น

โดยปัจจุบัน KBank Private Banking มีฐานลูกค้าที่ลงทุนต่างประเทศประมาณ 30-40% ของฐานลูกค้าทั้งหมดที่มีอยู่ 1.2 หมื่นบัญชี ซึ่งภาพรวมการลงทุนต่างประเทศโดยเฉลี่ยมีตั้งแต่ 2-3 ล้านดอลลาร์ต่อราย และสูงสุด 50 ล้านดอลลาร์ต่อราย ซึ่งจะเป็นกลุ่มลูกค้าที่เข้าข่ายต้องรายงานข้อมูลการเงินตามเกณฑ์ CRS

ดังนั้น KBank Private Banking จะเน้นให้ความรู้และวิธีการลงทุนในต่างประเทศ ให้สอดคล้องและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ CRS อย่างไรก็ดี ลูกค้าลงทุนต่างประเทศส่วนใหญ่ทำตามหลักเกณฑ์อยู่แล้ว แต่จะมีเกณฑ์เพิ่มเติมที่ลูกค้าต้องวางแผน เช่น ลูกค้าที่มีสินทรัพย์สูงและมีมรดกที่อยู่ในต่างประเทศ จะต้องวางแผนเรื่องภาษีมรดกรองรับเพิ่มเติมด้วย เพราะเรื่องการจัดเก็บภาษีจะเข้มข้นเรื่อย ๆ ในอนาคต

ADVERTISMENT

นายพีระพัฒน์กล่าวว่า นิติบุคคที่มีสัญชาติไทย มีการออกไปลงทุนหรือตั้งบริษัทในต่างประเทศ และไม่ได้มีการนำรายได้กลับเข้ามาในประเทศ ส่วนนี้จะต้องนำรายได้กลับมาคำนวณในภาษีด้วย ซึ่งกลุ่มนี้อาจจะได้รับผลกระทบและจำเป็นต้องวางแผนภาษีรองรับเกณฑ์ดังกล่าวด้วย

“หลังจากมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลภายใต้ข้อตกลง CRS โดยสรรพากรจะเริ่มนำข้อมูลในถังของปี 2565 ส่งให้ประเทศคู่สัญญา ซึ่งมองว่าระบบสถาบันการเงินมีความพร้อมอยู่แล้ว เพราะก็มีการรายงานข้อมูลให้สรรพากรอยู่แล้ว ตั้งแต่เกณฑ์ FATCA ของสหรัฐที่ต้องส่งข้อมูลตั้งแต่ปี 2561 สิ่งสำคัญของเกณฑ์ CRS ในส่วนของลูกค้ารายบุคคลของไพรเวตแบงก์ คือการวางแผนภาษี เพราะในอนาคตจะมีเกณฑ์ทยอยออกมาเป็นเฟส ๆ ควรเตรียมตัวไว้ก่อน”

ADVERTISMENT

นายติยะชัย ชอง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผลิตภัณฑ์การออม ธุรกิจรายย่อย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จำนวนลูกค้าเวลท์ที่จะได้รับผลกระทบจากนโยบายการแลกเปลี่ยนข้อมูลการเงิน CRS มีประมาณ 100 ราย ซึ่งขณะนี้พนักงานลูกค้าสัมพันธ์ ของธนาคารได้เข้าไปให้ความรู้กับลูกค้า ว่ากฎระเบียบ CRS ที่เปลี่ยนแปลงไปจะมีผลกระทบกับลูกค้าอย่างไรบ้าง

สำหรับลูกค้าที่มีสินทรัพย์สูง (high net worth) ที่มีการลงทุนซับซ้อน ซึ่งอาจได้รับผลกระทบหรือประโยชน์จากภาษีมรดก หรือการวางแผนระดับสากล ธนาคารได้มีโปรแกรมร่วมกับ CIMB Group ซึ่งเป็นความร่วมมือระดับภูมิภาค โดยธนาคารจะส่งต่อลูกค้าเหล่านี้ไปยังผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษาเฉพาะทางในการวางแผนภาษีระดับโกลบอล เพื่อให้ลูกค้าสามารถรองรับกับนโยบาย CRS ที่จะเข้ามามีผลบังคับใช้

นายศักดา จันทราสุริยารัตน์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานกำกับกฎระเบียบและข้อบังคับ บริษัท บัตรกรุงไทย หรือ “เคทีซี” กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันเคทีซีอยู่ระหว่างประสานงานกับกรมสรรพากร เพื่อเตรียมการให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งคงต้องรอกฎกระทรวงที่จะประกาศบังคับใช้ต่อไป ทั้งนี้ เพื่อนำมาพิจารณาในการดำเนินการต่อไป

ด้านธนาคารเกียรตินาคินภัทร รายงานว่า ภาพรวมการลงทุนของลูกค้ามั่งคั่ง คงยังไม่มีผลมากนัก เนื่องจากการลงทุนในต่างประเทศไม่ว่าจะเป็น capital outflow หรือ capital inflow เป็นไปในลักษณะของตัวแทนการลงทุน ซึ่งมีการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างถูกต้องอยู่แล้ว ขณะที่ลูกค้ามั่งคั่งยังมีความตื่นตัวไม่มาก เพราะแม้จะมีกฎหมายหลักด้าน CRS ออกมาแล้ว แต่ยังไม่มีกฎหมายลำดับรองและแนวปฏิบัติ ที่ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการจัดทำ และหารือร่วมกันระหว่างกรมสรรพากรและผู้ประกอบการ