นักลงทุนทั่วโลก 200 ราย ร่วมงาน Thailand Focus ตลท. ลุ้นนโยบายรัฐเอื้อตลาดหุ้น

แมนพงศ์ เสนาณรงค์
แมนพงศ์ เสนาณรงค์

กองทุนทั่วโลก 200 ราย แห่ร่วมงาน “Thailand Focus 2023” ด้าน “แมนพงศ์” รองผู้จัดการตลาดหุ้นไทย เผยตลาดหลักทรัพย์ฯลุ้นนโยบายรัฐบาลใหม่เอื้อตลาดทุน ลุยยกระดับเดินหน้าผลักดันบริษัทเข้าตลาดหุ้น พร้อมชี้ 3 ปัจจัยท้าทาย

วันที่ 23 สิงหาคม 2566 นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า การจัดงาน Thailand Focus 2023 : The New Horizon ระหว่างวันที่ 23-25 สิงหาคม 2566 ได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลกกว่า 200 ราย จาก 96 สถาบันทั่วโลก แยกเป็นกองทุนในประเทศ 42 แห่ง และกองทุนต่างประเทศ 54 แห่ง

อาทิ สิงคโปร์, ฮ่องกง, สหราชอาณาจักร, มาเลเซีย, สหรัฐอเมริกา, สวีเดน, ไต้หวัน และมีบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ที่เข้ามาให้ข้อมูลทั้งหมด 118 บริษัท ซึ่งคละอยู่ในทุกหมวดอุตสาหกรรม อยู่ในกลุ่ม SET50, SET100, mai

“ต้องยอมรับในช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา เซ็กเตอร์ที่เติบโตใหญ่ขึ้นมาเรื่อย ๆ เป็น 8 หมวดอุตสาหกรรมใน 22 เซ็กเตอร์ โดยกลุ่มเซอร์วิสเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่เจริญเติบโตสูงในแง่ของผลผลิตด้านกำไร อาทิ พาณิชย์, ท่องเที่ยว, ขนส่ง เป็นต้น และตอนนี้ประเทศไทยก็มีความโดดเด่นเรื่องของซอฟต์พาวเวอร์อย่างมาก เช่น ภาพยนตร์, ซีรีส์, กีฬามวย, บริการสปา เป็นต้น“ นายแมนพงศ์กล่าว

นอกจากนี้ไทยจะต้องจับตลาดและอาศัยความแข็งแกร่งจากการย้ายฐานของซัพพลายเชนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ โดยเฉพาะในเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ให้ได้ด้วย

Advertisment

ทั้งนี้จากบรรยากาศที่ประชุมสภา มีมติอนุมัติโหวต “นายเศรษฐา ทวีสิน” ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เพื่อเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ทำให้ภาพผู้นำประเทศมีความชัดเจนขึ้น แต่หลังจากนี้คงต้องพิจารณานโยบายเศรษฐกิจ หรือนโยบายต่าง ๆ ที่จะถูกบรรจุอยู่ในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าจะสนับสนุนตลาดทุนหรือเศรษฐกิจโดยภาพรวมเป็นอย่างไร

“เราให้ความสำคัญกับการสนับสนุนในอุตสาหกรรม growth engine ซึ่งที่ผ่านมามีการดำเนินการเรื่องเกณฑ์การรับหลักทรัพย์ใหม่ไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับบริษัทที่มีขนาดใหญ่ แต่อาจยังไม่มีกำไร สามารถเข้ามาในเกณฑ์ new economy ดังกล่าวได้ รวมถึงมีการสนับสนุนกลุ่มสตาร์ตอัพและเอสเอ็มอี โดยพัฒนา live platform เมื่อ 2 ปีที่แล้ว

และเมื่อปีที่ผ่านมาได้เปิดตัวตลาดหุ้น LiveX ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากธุรกิจสตาร์ตอัพและเอสเอ็มอี ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ดำเนินการต่อไป พร้อมปรับปรุงให้เข้ากับสถานการณ์และผู้ใช้บริการ ถัดมาคือให้ความสำคัญกับการนำดาต้ามาใช้ในการประมวลผลต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ หรือพัฒนาศักยภาพของตลาดทุนรวมกับการกำกับดูแลด้วย ซึ่งจะทำให้เราดูแลกำกับการซื้อขายได้ดีขึ้น”

ทั้งนี้มองความท้าทาย 3 เรื่องหลักคือ 1.ภาวะเศรษฐกิจโลก ทั้งอัตราเงินเฟ้อ, ดอกเบี้ยนโยบาย, ผลกระทบทางภูมิรัฐศาสตร์ ว่าไทยจะสามารถรับมือได้อย่างไร ซึ่งจะสอดคล้องไปกับนโยบายของรัฐบาลว่าจะเอื้อหนุนปัจจัยเหล่านี้มากแค่ไหน

Advertisment

2.ความน่าเชื่อมั่น หลังจากที่เกิดความเสี่ยงมากมายในตลาดทุน ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯก็ได้มีการเปิดรับฟังความคิดเห็นเกณฑ์กำกับดูแล บจ.ต่าง ๆ มากขึ้น ต้องรอดูต่อว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป

และ 3.ประเด็นทางการเมือง ที่เป็นความเสี่ยง และวันนี้ก็ถือว่าเห็นภาพที่ชัดขึ้น มีผู้นำรัฐบาลใหม่แล้ว และต่อไปต้องพิจารณาว่าจะขับเคลื่อนนโยบายอย่างไร

“เสน่ห์ตลาดทุนยังมีอยู่ เช่น การต่อยอดท่องเที่ยว ทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวสนใจจะกลับมาได้อีก ซึ่งสิ่งสำคัญไม่ใช่แค่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านกายภาพ (hard infrastructure) แต่ต้องลงไปถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านมาตรฐาน (soft infrastructure) ด้วย โดยเฉพาะในธุรกิจเดิมให้ดึงดูดเพิ่มได้มากขึ้น” นายแมนพงศ์กล่าว