ลดค่าไฟ-น้ำมัน เอฟเฟ็กต์กำไรหุ้น “โรงไฟฟ้า-ปั๊มน้ำมัน” BGRIM-GPSC-OR โดนหนักสุด

ราคาน้ำมัน เติมน้ำมัน ปั๊มน้ำมัน หัวจ่าย การเดินทาง ถนน

บล.กสิกรไทยวิเคราะห์ ลด “ค่าไฟฟ้า-ราคาน้ำมัน” เอฟเฟ็กต์กำไรหุ้นโรงไฟฟ้า “BGRIM-GPSC” โดนหนักสุด 5-8% ฟาก “EGCO-GULF-RATCH กระทบกำไรราว 2-3% บล.ฟินันเซีย ไซรัส ชี้กลุ่มโรงไฟฟ้าถูกกดดันรายได้และกำไรมากกว่าที่ตลาดประเมิน ธุรกิจปั๊มน้ำมันคาดถูกกดดันจากค่าการตลาดเบนซินที่จะลดลงในอนาคต บล.ฟิลลิป คาด OR โดนหนักสุดตามปริมาณการขาย

วันที่ 13 กันยายน 2566 นายจักรพงศ์ เชวงศรี นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย เปิดเผยว่า จากผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ได้มีมติปรับลดราคาน้ำมันดีเซลสำหรับภาคขนส่งต่ำกว่า 30 บาท/ลิตร เริ่มวันที่ 20 ก.ย. 2566 และปรับลดค่าไฟฟ้าเหลือ 4.10 บาท/กิโลวัตต์/ชั่วโมง จาก 4.45 บาท/กิโลวัตต์/ชั่วโมง เริ่มรอบบิลเดือน ก.ย.นี้

สำหรับการปรับลดราคาน้ำมันดีเซล จะต้องปรับลดอีกประมาณ 2 บาท/ลิตร จากราคาน้ำมันดีเซลในปัจจุบันที่อยู่เกือบ 32 บาท/ลิตร ซึ่งวิธีการลดราคาน้ำมันดีเซลจะผ่านการลดภาษีสรรพสามิตและเงินอุดหนุนกองทุนน้ำมันฯ ตอนนี้รัฐอุดหนุนโดยใช้กองทุนน้ำมันฯอยู่ประมาณ 7 บาท/ลิตร เพราะฉะนั้นถ้าจะทำให้ราคาน้ำมันดีเซลจาก 32 บาท/ลิตร เหลือ 30 บาท/ลิตร

รัฐต้องหาเงินมา 9 บาท/ลิตร มาอุดหนุน อาจเป็นลดภาษีสรรพสามิตเหลือ 4 บาท จากเดิมเก็บภาษีสรรพสามิตยู่ประมาณ 6 บาท และกองทุนน้ำมันฯอุดหนุนต่ออีก 5 บาท ซึ่งสถานะกองทุนน้ำมันฯ ติดลบอยู่ประมาณ 1.43 หมื่นล้านบาท หากรวม LPG จะติดลบประมาณเกือบ 6 หมื่นล้านบาท (10 ก.ย. 2566) โดยกองทุนน้ำมันฯมีวงเงินกู้อยู่ราว 1 แสนล้านบาท ฉะนั้นแบบแผนนี้จะมีเงินไหลออกจากกองทุนน้ำมันฯวันละ 325 ล้านบาท หรือ 1 หมื่นล้านบาท/เดือน ดังนั้นจะเหลือวงเงินกู้ของกองทุนน้ำมันฯอีก 5 หมื่นล้านบาท ก็จะอยู่ได้อีกประมาณ 5 เดือน ซึ่งโมเดลนี้ทำได้จริงและทำได้เลย

ในส่วนการปรับลดค่าไฟฟ้าเหลือ 4.10 บาท/กิโลวัตต์/ชั่วโมง จาก 4.45 บาท/กิโลวัตต์/ชั่วโมง เริ่มรอบบิลเดือน ก.ย. 2566 ทำได้ผ่านการลดค่า Ft เพิ่มเติม จากเดิมที่ กกพ. มีมติให้ลด 24 สตางค์/หน่วย เป็น 0.6689 บาท/หน่วย จะต้องลด Ft เพิ่มอีก 10 สตางค์/หน่วย เพื่อทำให้ค่าไฟฟ้าเป็น 4.10 บาท/หน่วย ทั้งนี้ค่า Ft ที่ลดลงรวม 35 สตางค์/หน่วย สอดคล้องกับค่าพลังงานที่ลดลงจริง ทำให้ค่าไฟฟ้าปัจจุบันสอดคล้องกับต้นทุนพลังงาน

Advertisment

แต่การลดค่า Ft ทุก ๆ 10 สตางค์ กระทบกำไรของหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP อยู่ประมาณ 5-8% นั่นคือ BGRIM, GPSC แต่ถ้าเป็นกลุ่มโรงไฟฟ้า IPP เช่น EGCO, GULF, RATCH จะกระทบกำไรราว 2-3%

“ถ้านักลงทุนอยากเสี่ยงเล่นหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ในช่วงนี้จากการถูกมาตรการรัฐเข้าแทรกแซง แนะนำให้ลงทุนในกลุ่มโรงไฟฟ้า IPP เพราะเจอความเสี่ยงน้อยกว่า”

นายอดิสรณ์ มุ่งพาลชล นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า เนื่องจากการลดน้ำมันดีเซลใช้กลไกการลดภาษี จะทำให้ผู้ค้าปลีกน้ำมันไม่ได้รับผลกระทบที่ต้องลดค่าการตลาด อย่างไรก็ตามกรณีการลดราคาน้ำมันเบนซินนั้นหากมีการปรับลดในอนาคต มีโอกาสที่จะใช้กลไกการลดผ่านค่าการตลาด

จึงมองว่ากรณีลดราคาน้ำมันเบนซินจะกระทบกับ OR มากที่สุด ตามปริมาณการขายที่มากที่สุด และมีมุมมองเป็นกลางกับ PTG, BCP ทั้งนี้โดยรวมมีมองว่ากลุ่มค้าปลีกน้ำมันจะยังอยู่ในภาวะกดดันไปจนถึงสิ้นปี 2566 เนื่องจากแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เป็นขาขึ้น แต่ราคาขายน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศมีการควบคุมจากภาครัฐ

Advertisment

คงมุมมองต่อกลุ่มต้นน้ำและโรงกลั่นน่าสนใจมากกว่า คงคำแนะนำ “ซื้อ” PTTEP ที่ราคา 175 บาท TOP ที่ราคา 57.50 บาท และ SPRC ที่ราคา 10.50 บาท

ฝ่ายวิจัย บล.ฟินันเซีย ไซรัส รายงานว่า กลุ่มโรงไฟฟ้าถูกกดดันเนื่องจากค่าไฟลดลงเหลือ 4.10 บาท/หน่วย ต่ำกว่าที่ตลาดประเมินที่ 4.25 บาท/หน่วย ทำให้กดดันรายได้และกำไรมากกว่าที่ตลาดประเมิน ขณะที่กลุ่มน้ำมันจะเป็นธุรกิจปั๊มน้ำมันคาดถูกกดดันจากค่าการตลาดเบนซินที่จะลดลง