จับตาสหรัฐเสี่ยงชัตดาวน์ 1 ต.ค. หนุนราคาทองคำ

“ฮั่วเซ่งเฮง” แนะจับตาสหรัฐหลังหนี้สาธารณะพุ่งทะลุ 33 ล้านล้านดอลลาร์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ เป็นความเสี่ยงเกิด Government shutdown 1 ต.ค.นี้ เป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น

วันที่ 25 กันยายน 2566 บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส เปิดเผยว่า หลังหนี้สาธารณะสหรัฐพุ่งทะลุ 33 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ เนื่องจากการใช้จ่ายรัฐบาลกลางสหรัฐใช้จ่ายงบประมาณมากถึง 50% ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2562-2564 จากการปรับลดภาษี มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และรายได้จัดเก็บน้อยลงในช่วงโควิดจากการว่างงานสหรัฐ ทำให้การกู้ยืมรัฐบาลสหรัฐพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์

สหรัฐจำเป็นต้องผ่านร่างกฎหมายงบประมาณอีกครั้ง ซึ่งมีเวลาถึงวันที่ 30 ก.ย.นี้เป็นวันเดดไลน์ แต่ล่าสุดสภายังไม่ผ่านงบประมาณครั้งที่ 3 ทั้งนี้สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติด้วยคะแนนเสียง 216 ต่อ 212 เสียง เพื่อคัดค้านร่างจัดสรรงบฯกลาโหมมูลค่ากว่า 886,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งยังมีความเสี่ยงที่จะเกิด Government shutdown หากสภาไม่สามารถผ่านงบประมาณก่อน 30 กันยายนนี้

ความเห็นที่ขัดแย้งของสภาคองเกรส จากที่พรรครีพับลิกันต้องการลดค่าใช้จ่ายให้น้อยลง ตรงข้ามกับพรรคเดโมแครตต้องการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น นอกจากนี้พรรคเดโมแครตมองว่าปริมาณหนี้ที่เพิ่มขึ้นนั้นมาจากมาตรการลดภาษีของพรรคริพับลิกัน และเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทขนาดใหญ่ และกลุ่มคนรวยภายในประเทศตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้สมาชิกสภาคองเกรสกำลังเจรจาแผนใหม่เพื่อให้ทุนแก่รัฐบาลตลอดปีงบประมาณที่เหลือ จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2567

รวมถึงการลดการใช้จ่ายที่จะตัดทอนโครงการต่อต้านความยากจน ความช่วยเหลือสำหรับยูเครน ในขณะเดียวกันจะเพิ่มเงินสำหรับการฟื้นฟูภัยพิบัติในประเทศ นอกจากนี้สมาชิกพรรคริพับลิกัน ต้องการเพิ่มการลดหย่อนภาษีเป็น 2 เท่า ด้วยการขยายโครงการลดหย่อนภาษีที่บังคับใช้ในยุคของโดนัลด์ ทรัมป์ และยกเลิกการปฎิรูปภาษีนิติบุคคลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ส่วนประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต้องการให้บริษัทใหญ่จ่ายภาษีอย่างเหมาะสม และงดเงินอุดหนุนให้บริษัทน้ำมันและยา ซึ่งจะทำให้ลดการขาดดุลไปกว่า 2.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

ย้อนไปในช่วงเดือน พ.ค. สหรัฐใช้เวลาเจรจากันนานพอสมควรจนสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ภายในวินาทีสุดท้าย แม้ว่าสหรัฐจะรอดพ้นจากความเสี่ยงจาก Government shutdown แต่ความเชื่อถือของสหรัฐได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Fitch ปรับลด Credit Rating ระยะยาวของสหรัฐ  จากระดับ AAA เหลือ AA+ เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา

โดยระบุถึงสถานะการคลังของสหรัฐที่มีแนวโน้มถดถอยลงในช่วง 3 ปีข้างหน้า ขณะที่ระบบธรรมาภิบาลอ่อนแอลง และภาระหนี้สินโดยรวมของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งสาเหตุหนึ่งมาจากความขัดแย้งทางการเมือง ก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการที่สหรัฐชัตดาวน์ โดยส่วนใหญ่จะบรรลุข้อตกลงกันในนาทีสุดท้าย และการปรับเพิ่มเพดานหนี้หลายครั้งยังทำให้หนี้สินสหรัฐพุ่งขึ้น และได้ชนเพดานหลายครั้ง

อย่างไรก็ตาม คาดว่าสหรัฐจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ในที่สุด แต่ปัญหาดังกล่าวอาจส่งผลให้สหรัฐมีความเสี่ยงในด้านความน่าเชื่อถือลดลงอีกได้ ซึ่งส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าลงในระยะยาว หนุนราคาทองคำให้น่าสนใจในระยะยาวมากยิ่งขึ้น

ราคาทองคำคาดเคลื่อนไหว Sideways แม้ว่าราคาทองคำจะได้รับแรงกดดันจากการส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยอีก แต่ราคาทองคำปรับตัวลงก็มีแรงซื้อกลับเข้ามา สัปดาห์นี้สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ย. โดย Conference Board จีดีพีไตรมาส 2 ดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานเดือน ส.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ย.ของ ม.มิชิแกน

สัปดาห์นี้ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 1,910 ดอลลาร์ และ 1,900 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,930 ดอลลาร์ และแนวต้าน 1,945 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 32,700 บาท และ 32,600 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 33,050 บาท และ 33,200 บาท