
บาทอ่อนหนุนราคาทองคำในประเทศบวกขึ้นต่อเนื่อง คาดเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อ แนะขายทำกำไร ระยะสั้นมีลุ้นแตะ 33,250 บาท สวนทางราคาทองคำโลกยังซึมไร้ปัจจัยใหม่กระตุ้นประเมินเคลื่อนไหวในกรอบ 1,900-1,940 ดอลลาร์ต่อออนซ์
วันที่ 26 กันยายน 2566 นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า ราคาทองคำในประเทศที่เคลื่อนไหวในแดนบวกอย่างต่อเนื่อง ทำราคาสูงสุดใหม่อีกครั้ง และมีแนวโน้มที่จะทำราคาสูงสุดใหม่ต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่งตามทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่าทะลุ 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ตามสกุลเงินในภูมิภาคที่อ่อนค่าอยู่ในช่วงนี้ โดยจากต้นปีค่าเงินบาทอ่อนค่าแล้วกว่า 4% เนื่องจากผลตอบแทนพันธบัตรไทยมีอัตราผลตอบแทนต่ำเมื่อเทียบกับผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ
โดยจากการคาดการณ์ของตลาดที่มองว่าอาจจะมีโอกาสได้เห็นเงินบาทอ่อนค่าถึง 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหากเงินบาทอ่อนค่าไปถึงระดับนั้น ราคาทองคำในประเทศก็มีโอกาสขึ้นไปแตะ 33,250-33,550 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งหากราคาทองคำขึ้นไปถึงจุดนั้นแนะนำแบ่งขายทำกำไร อย่างไรก็ดี ไม่ใช่เพียงราคาทองคำในประเทศไทยเท่านั้นที่ทำราคาสูงสุดใหม่ แต่ราคาทองคำในภูมิภาคก็ทำราคาสูงสุดใหม่เช่นกัน โดยที่ราคาทองคำในตลาดโลกไม่ได้เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงมากนัก
ทั้งนี้ วายแอลจีประเมินว่า การอ่อนค่าของเงินบาทน่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้น เนื่องจากหากพิจารณาจากภาพรวมเศรษฐกิจของทั่วโลกแล้วมองว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่สามารถยืนนโยบายดอกเบี้ยระดับสูงไว้เป็นระยะเวลานานได้ เพราะอาจจะกระทบต่อธุรกิจ SMEs และภาคธนาคาร จึงมองว่าภายในไตรมาส 1 ปีหน้า อัตราดอกเบี้ยจะเริ่มปรับลดลง
สำหรับราคาทองคำในประเทศที่ปรับขึ้นมาจนสามารถทำ All Time High ในช่วงนี้จึงมองว่าจะเป็นการปรับขึ้นมาในระยะสั้น นักลงทุนสามารถเก็งกำไรได้ในกรอบแนวรับ 32,450-32,150 บาทต่อบาททองคำ และหาจุดทำกำไรที่แนวต้าน 33,250-33,550 บาทต่อบาททองคำ
อย่างไรก็ดี แม้จะมองว่าราคาทองปรับตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วแค่ระยะสั้น แต่ภาพใหญ่ในระยะ 3-5 ปี ราคาทองคำก็ยังมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในแดนบวก เพราะทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงดังกล่าวน่าจะเริ่มเป็นขาลง
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า บาทอ่อนค่าเป็นปัจจัยที่หนุนราคาทองคำในประเทศให้พุ่งขึ้น โดยคาดการณ์ว่าเงินบาทน่าจะมีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าได้อีกในระยะนี้ สวนทางกับราคาทองคำในต่างประเทศที่ค่อนข้างจะนิ่งและซึม ๆ เพราะยังคาดปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น
โดยประเมินกรอบราคาทองคำในประเทศอยู่ที่ 31,500-34,000 บาทต่อบาททองคำ แนะกลยุทธ์ย่อซื้อขึ้นขาย ส่วนในสัปดาห์นี้แนะนำติดตามตัวเลขเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ สุนทรพจน์ประธานเฟด และอัตราเงินเฟ้อส่วนบุคคลสหรัฐ
ประเมินราคาทองคำในสัปดาห์นี้เคลื่อนไหว Sideway ในกรอบ 1,900-1,940 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากยังถูกกดดันจากการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องทำจุดสูงสุดในรอบ 22 ปีที่ 4.49% อีกทั้งความกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน พ.ย. เป็นปัจจัยกดดันต่อการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในระยะกลาง