เผ่าภูมิโต้ไม่เก็บภาษีตลาดหุ้น-แจกเงินหมื่นหวังเก็บรายได้เกินแสนล้าน

คลัง สั่งรัฐวิสาหกิจ เร่งลงทุนช่วงงบปี 2567 ยังไม่ออก ขีดเส้นเดือนมีนาคม
เผ่าภูมิ โรจนสกุล

เผ่าภูมิ เลขาฯ รมว.คลัง แถลงโต้ “ศิริกัญญา” ยันรัฐบาลยังไม่มีนโยบายเก็บภาษีจาก “ธุรกรรมขายหุ้น” และ “Capital Gain Tax” มั่นใจมาตรการ “แจกเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลต” หนุนเก็บรายได้เกินกว่า 1 แสนล้าน ทั้งจาก “VAT-ภาษีเงินได้นิติบุคคล”

วันที่ 29 กันยายน 2566 นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ยืนยันว่ากระทรวงการคลังยังไม่มีนโยบายเก็บภาษีจากธุรกรรมการขายหุ้น (FTT) รวมถึงภาษีกำไรจากการขายหุ้น (Capital Gain Tax) ในขณะนี้ ซึ่งทั้ง 2 ส่วนนี้น่าจะช่วยให้นักลงทุนในตลาดหุ้นไทยมีความสบายใจและสามารถวางแผนระยะยาวในการลงทุนได้

โดยภาครัฐมีมุมมองเกี่ยวกับตลาดหุ้น ดังนี้ 1.อยากเห็นตลาดหุ้นไทยมีสภาพคล่องสูง ไม่ต้องการเห็นตลาดหลักทรัพย์ฯที่ซบเซา แต่ต้องกระชุ่มกระชวย มีเสถียรภาพ 2.ต้องการมีตลาดหลักทรัพย์ฯที่มีปริมาณการซื้อขายที่มีทั้งในแง่ปริมาณและคุณภาพ 3.ต้องการเห็นตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความน่าดึงดูดทั้งใน 2 มิติคือ ดึงดูดนักลงทุนและดึงดูดบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

และ 4.อยากเห็นตลาดหลักทรัพย์ไทยเป็นแหล่งระดมทุนที่มีต้นทุนต่ำ และอยู่ในระดับที่แข่งขันได้ รวมถึงเป็นตัวแทนของภูมิภาค ซึ่งประเด็นนี้เปรียบดัง “อิฐก้อนแรก” สำหรับเศรษฐกิจของประเทศ เพราะจะหมายถึงเศรษฐกิจที่จะเติบโตได้ดีขึ้น มีการจ้างงาน

“นี่คือ 4 ประเด็นที่เราอยากเห็นตลาดหลักทรัพย์ไทยมุ่งไปสู่สิ่งเหล่านี้ และในการจะมุ่งไปสู่สิ่งเหล่านี้มีความจำเป็นที่กระทรวงการคลัง ซึ่งดูแลเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ จะต้องมีนโยบายเกี่ยวกับตลาดลหลักทรัพย์ฯที่เหมาะสม และเอื้อที่จะนำไปสู่สิ่งเหล่านั้น โดยหนึ่งในนโยบายที่จะทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯโต หรือเป็นตลาดชั้นนำในภูมิภาคได้ ก็คือนโยบายด้านภาษี” นายเผ่าภูมิกล่าว

Advertisment

ส่วนคำถามที่ว่าหากไม่เก็บภาษี FTT แล้ว จะทำให้รายได้รัฐบาลหายไปหรือไม่ รวมถึงมีการพูดถึงว่าจะต้องมีการขาดดุลงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อมาชดเชยการไม่เก็บภาษีนี้ นายเผ่าภูมิกล่าวว่า ในแผนการคลังระยะปานกลางที่เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบไปก่อนหน้านี้ ยังไม่ได้พิจารณา หรือรวมผลกระทบจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเลต ซึ่งนโยบายดังกล่าวจะทำให้มีการอัดฉีดเงิน 5.6 แสนล้านบาทเข้าไปในระบบ

“ด้วยกลไกที่เราออกแบบ นั่นหมายถึงว่าเงิน 5.6 แสนล้านบาท จะเกิดเป็นรายได้รัฐบาลกลับมาในรูปแบบของภาษี ไม่ว่าจะภาษีนิติบุคคล หรือภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ซึ่ง 2 ก้อนนี้เราประเมินไว้ว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นถึงกว่า 1 แสนล้านบาท” นายเผ่าภูมิกล่าว

ก่อนหน้านี้ นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ออกมาโพสต์ตั้งคำถามถึงการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่มีการระบุแผนเก็บภาษีขายหุ้น ซึ่งจะมีเงินรายได้ 14,000 ล้านบาท แต่นายกรัฐมนตรีระบุว่าจะไม่เก็บภาษีขายหุ้น โดยตั้งข้อสังเกตว่า หากไม่เก็บภาษีดังกล่าว การที่กระทรวงการคลังจัดทำประมาณการรายได้เพิ่มขึ้น 30,000 ล้านบาทจะมาจากส่วนใด