
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา คาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 36.35-37.00 บาทต่อดอลลาร์ หลังเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 10 เดือน เผย นักลงทุนติดตามข้อมูลจ้างงานสหรัฐ-สถานการณ์ Government Shutdown และเงินเฟ้อเดือน ก.ย.ของไทย
วันที่ 2 ตุลาคม 2566 กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาท ในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 36.35-37.00 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 36.47 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายผันผวนในช่วง 35.90-36.83 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างสัปดาห์เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 10 เดือน
- พระราชทานอภัยโทษ คดีทักษิณ ที่มาวาระอันเป็นมงคล วโรกาสสำคัญ
- หมอธีระวัฒน์ ชี้ งานวิจัยระบุ ชอบกินเนื้อสัตว์เสี่ยงตาย ไม่สูบบุหรี่ ออกกำลังกาย ไม่ช่วย
- ในหลวง พระราชินี เสด็จฯส่วนพระองค์ ทรงร่วมแข่งเรือใบ จ.ภูเก็ต
ทางด้านคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ขึ้นดอกเบี้ย 25bp เป็น 2.50% เงินดอลลาร์แข็งค่าเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยดัชนีดอลลาร์พุ่งขึ้น 11 สัปดาห์ติดต่อกัน ขณะที่นักลงทุนประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐสามารถรับมือกับภาวะดอกเบี้ยสูงได้ดีกว่าเศรษฐกิจแห่งอื่น ๆ อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่จุดสูงสุดในรอบ 16 ปี
อย่างไรก็ดี ดอลลาร์ลดช่วงบวกเล็กน้อยหลังดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) เพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลงสู่ 3.9% ในเดือน ส.ค. ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิ 3,025 ล้านบาท และมียอดขายพันธบัตร 12,048 ล้านบาท โดยเกิดจากตราสารครบอายุ 5,175 ล้านบาท ขณะที่ค่าเงินบาทในเดือน ก.ย.และไตรมาสสาม อ่อนลง 4.3% และ 2.9% ตามลำดับ
สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า หลังรัฐบาลสหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์ Government Shutdown ขณะที่ตลาดจะติดตามข้อมูลภาคบริการและการจ้างงานเดือน ก.ย.ของสหรัฐรวมถึงความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยเรามองว่าแม้ค่าเงินดอลลาร์อาจมีจังหวะพักฐานบ้างชั่วคราวในระยะสั้นแต่ในมิติของอัตราผลตอบแทนนั้นดอลลาร์จะยังคงได้แรงหนุนต่อไปจนกว่าตัวเลขจะสะท้อนว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังอ่อนแรงลงอย่างมีนัยสำคัญซึ่งจะท้าทายแนวโน้มภาวะดอกเบี้ยสูงยาวนาน (Higher for Longer) ของเฟด
สำหรับประเด็นในประเทศ นักลงทุนจะให้ความสนใจกับตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ก.ย. ทางด้าน ธปท.ปรับเพิ่มประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจปี’67 เป็น 4.4% จากเดิมคาดไว้ที่ 3.8% สะท้อนแผนกระตุ้นทางการคลัง โดยเฉพาะ Digital Wallet อีกทั้งภาคท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่อง และการส่งออกกลับมาขยายตัว
โดย ธปท.เห็นว่ายังต้องติดตามความเสี่ยงด้านสูงของเงินเฟ้อ ทั้งนี้ กนง.ขึ้นดอกเบี้ยด้วยเสียงเอกฉันท์โดยมองว่าดอกเบี้ยนโยบายเข้าสู่ระดับเป็นกลาง ท่าทีดังกล่าวทำให้เราประเมินว่าดอกเบี้ยนโยบายถึงจุดสูงสุดของวัฎจักรแล้ว และ กนง.มีแนวโน้มตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 2.50% ในอีกหลายไตรมาสข้างหน้า