สงครามอิสราเอล ‘จิตตะเวลธ์’ หวั่นน้ำมันพุ่ง กระทบเงินเฟ้อ-ดอกเบี้ยโลก

สงครามเอฟเฟ็กต์

สงครามอิสราเอล-ฮามาส ‘จิตตะ เวลธ์’ หวั่นน้ำมันพุ่งเกิน 90 เหรียญต่อบาร์เรล กระทบเงินเฟ้อ-นโยบายดอกเบี้ยโลก

วันที่ 13 ตุลาคม 2566 นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) จิตตะ เวลธ์ จำกัด สตาร์ตอัพรายแรกของไทยที่ได้รับอนุญาตบริหารจัดการกองทุนส่วนบุคคล จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ผู้ให้บริการกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth เปิดเผยว่า ประเมินผลกระทบจากภาวะสงครามอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสต่อประทศไทยยังจำกัด เพราะสงครามพึ่งเริ่มขึ้น หลัก ๆ ที่กระทบคือราคานํ้ามันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 4%

โดยตอนนี้อยู่ที่ระดับ 86 เหรียญต่อบาร์เรล หากสงครามนั้นยืดเยื้อและอิหร่านเข้าร่วมสงคราม และเป็นผู้ผลิตนํ้ามันรายใหญ่ และสหรัฐอาจควํ่าบาตรประเทศอีก หากราคานํ้ามันปรับเพิ่มขึ้นเกิน 90 เหรียญต่อบาร์เรล อาจส่งผลกระทบในส่วนของการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยในครั้งต่อไป

เพราะราคาที่สูงขึ้นจะผลักดันให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นและกดดัน Policymaker ให้มีการปรับดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นควบกันกับการคงอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นตาม

ด้านการท่องเที่ยวคนของอิสราเอลเข้าประเทศไทยประมาน 2 แสนคนต่อปี ซึ่งถือว่าไม่ได้เป็นจำนวนที่มีนัยยะสำคัญที่จะสามารถกระทบภาคการท่องเที่ยวของไทยได้ หากเทียบกันกับประเทศจีนที่มีจำนวนหลายล้านคนต่อปี

ส่วนการค้าระหว่างไทยกับอิสราเอลตั้งแต่ต้นปีจนถึงช่วงเดือนสิงหาคม 2566 มีมูลค่าอยู่ที่ 40,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นแค่ประมาณ 0.2-0.3% ของการค้าไทยทั้งหมดที่มีกับประเทศอื่น คนที่ได้รับผลกระทบจะเป็นในส่วนของแรงงานไทยที่ไปทำงานที่อิสราเอลในตอนนี้

นายตราวุทธิ์กล่าวอีกว่า ผลกระทบจากสงครามระหว่างกลุ่มฮามาสของปาเลสไตน์และอิสราเอลตอนนี้ยังถือว่าเป็นสงครามในประเทศ และยังไม่ได้กระทบในวงกว้าง แต่ส่วนนี้จะกระทบความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศอย่างแน่นอน โดยปกติแล้วท้้ง 2 ประเทศนี้ได้มีการยิงขีปนาวุธระหว่างกัน แต่ด้วยครั้งนี้กลุ่มฮามาส ได้ถล่มเมืองด้วยขีปนาวุธมากกว่า 3,000 ลูก จึงทำให้ระบบป้องกันภัยของอิสราเอลไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด

หากมีการกระจายความเสี่ยงไปยังหลายประเทศ นักลงทุนยังสามารถลงทุนในประเทศที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้อง หรือรับผลกระทบโดยตรงจากสงครามในครั้งนี้ อย่างเช่น เวียดนามที่ตั้งแต่ช่วงต้นปี State Bank of Vietnam ได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่าง ๆ เช่น ดอกเบี้ยการ Refinance ลงมาที่ระดับ 4.5% และ Discount rate (อัตราดอกเบี้ยการกู้ยืมสำหรับธนาคารกลางและธนาคารพาณิชย์) ลงมาอยู่ที่ 3%

และดอกเบี้ยการกู้ยืมระหว่างธนาคารลงมาอยู่ที่ระดับ 5% เพื่อหวังที่จะกระตุ้นให้มีการกู้ยืมมากขึ้นในภาคธุรกิจของเวียดนาม โดยมีเป้าที่จะลดดอกเบี้ยลงอีก 0.5% ในเดือนที่เหลือของปี 2566

อย่างไรก็ดี ผลตอบแทนของสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น พันธบัตร บอนด์ยีลด์ก็อาจปรับตัวลดลง เพราะคนนำเงินไปซื้อสินทรัพย์ที่เป็น Safe Haven มากขึ้น หากดูในส่วนของผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ได้ปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดที่ 4.77% ลงมาที่แถว 4.64%

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นสหรัฐในวันจันทร์ที่ผ่านมานั้นสามารถปิดในแดนบวกได้ แสดงให้เห็นว่าในขณะนี้ผลกระทบของสงครามในอิสราเอลยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกมากน้อยแค่ไหน แต่มีผลกระทบแน่นอนในส่วนของราคานํ้ามันและเงินเฟ้อหากสงครามนั้นยืดเยื้อ

โดยในช่วงนี้หากมีการกระจายความเสี่ยงการลงทุนอยู่แล้ว สามารถทยอยลงทุนได้เหมือนเดิม ผลกระทบโดยรวมของเศรษฐกิจโลกนั้นยังยากที่จะประเมิน เพราะสงครามพึ่งเริ่มขึ้น และไม่แน่ใจว่าจะมีประเทศใดที่เข้าร่วมสงครามในครั้งนี้บ้าง แต่ถึงอย่างไรก็ตาม หากมีความกังวลว่าสงครามจะยืดเยื้อ สามารถชะลอเพื่อประเมินสถานการณ์ตลาดอีกครั้ง และค่อยลงทุนในช่วงที่สงครามนั้นยุติแล้วได้เช่นกัน