
“กอบศักดิ์” ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ชี้จุดเปลี่ยนตลาดทุนไทย รับโอกาสเคลื่อนย้ายเงินทุนโลก
วันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยในงานสัมมนาวิชาการด้านตลาดทุนประจำปี 2566 ภายใต้หัวข้อ “อนาคตตลาดทุนไทยกับการเคลื่อนย้ายทุนในกระแสการเปลี่ยนแปลงภูมิรัฐศาสตร์โลก” ว่า โลกกำลังเข้าสู่ช่วงโค้งสำคัญ นำมาซึ่งความจำเป็นของทุกคนทั้งประเทศไทย ตลาดทุนไทย บริษัทไทยในการเตรียมการและปรับตัว
สำหรับสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงไปในอนาคตจะเห็นได้จากมีการนำเทคโนโลยีมาใช้มากยิ่งขึ้น รวมถึงเรื่องของความขัดแย้ง สงครามต่าง ๆ เชื่อว่าจะไม่จบลงง่าย และจะวนเวียนไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงหลากหลายอย่างบนโลกที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ขณะเดียวกันยังมีการเปลี่ยนขั้วของเศรษฐกิจโลกครั้งสำคัญ
โดยปัจจุบันประเทศสหรัฐอเมริกา ถือเป็นประเทศมหาอำนาจที่มีการพัฒนาแล้ว แต่ขณะนี้สายตาของโลกจับจ้องมาที่ฝั่งเอเชีย อาทิ ประเทศจีน อินเดีย และล่าสุดที่อาเซียน ถือเป็นนัยสำคัญกับธุรกิจและตลาดทุนด้วย อย่างไรก็ตามยังกังวลเรื่องความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นในด้านเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ
ท่ามกลางความวิกฤตและท้าทายยังมองเห็นโอกาสและหยิบมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ เริ่มจากสิ่งที่กังวลในระยะสั้นในดัชนี Set Index ปี 2566 ส่วนหนึ่งมาจากผลประกอบการที่ลดลง และการไหลกลับของเงินทุนที่เข้ามาเมื่อปีที่แล้ว โดยเฉพาะการเทขายของนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงมีการเคลื่อนย้ายเงินทุนโลก
โดยในต้นปีถึงปัจจุบันเงินทุนไหลกลับไปสหรัฐอเมริกาประมาณ 2 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตามคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่การดึงสภาพคล่องออกจากระบบ (QT) ของเฟด จะยังคงเอาสภาพคล่องออกอีกอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งจะเป็นตัวกดดันกระแสเงินหมุนเวียนของเงินทุนโลก รวมไปถึงการที่รัฐบาลต้องออกพันธบัตรเพิ่มเติมจากการขาดดุลในสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้เชื่อว่าการเคลื่อนย้ายเงินทุนหลังโควิด-19 เป็นผลดีกับประเทศไทย และเชื่อว่าในกลางปีหน้าเศรษฐกิจจะดีขึ้น โดยปีนี้หุ้นไทยตก แต่ในกลางปีหน้าเชื่อว่าธนาคารกลางของทั่วโลกจะลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งถือเป็นเซนติเมนต์ที่ดัชนีจะปรับบวกขึ้นได้
สำหรับมาตรการที่จะสร้างอนาคตในตลาดทุนไทยนั้น ต้องได้รับความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนมาที่ไทยมากยิ่งขึ้น ท่ามกลางความขัดแย้ง และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ของโลก ส่งผลให้ประเทศไทยเป็นประเทศทางเลือกที่จะให้ต่างชาติเข้ามาพักพิง ซึ่งจะส่งผลให้ดึงดูดเงินลงทุนมาด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามทั้งหมดที่จะทำได้นั้น ต้องร่วมมือกันหลายหน่วยงาน ทั้งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) การแก้กฎหมายต่าง ๆ กระทรวงการคลัง และกระทรวงต่าง ๆ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หากปรับเกณฑ์ได้ท่ามกลางวิกฤตต่าง ๆ เหล่านี้จะเป็นโอกาสของไทย
ทั้งนี้สิ่งที่จะมาสร้างอนาคตให้กับตลาดทุนไทยได้ ได้แก่ สินทรัพย์แห่งอนาคต อย่าง Ethereum Terra การ Reinvent ตลาดทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ทั้งการปรับปรุงกฎระเบียบต่าง ๆ การพัฒนา single Portal จะทำให้ต้นทุนถูกลงและทำให้ประสิทธิภาพตลาดทุนเพิ่มขึ้นได้
รวมถึงการปิดจุดมืดของตลาดทุนไทยทั้งหุ้นเล็กที่เข้ามาในตลาด แต่ไม่มีการซื้อขายหรือซื้อขายน้อย การปั่นหุ้นต่าง ๆ และ capital Market for All ตลาดทุนต้องมีในเรื่องของความยั่งยืนด้วย (Sustainbility ESG) ขณะเดียวกันต้องหา Social contribution ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนของตลาดทุนในการช่วย SME, Communities ได้
“ถ้าเราไม่เปลี่ยน ตลาดเราก็จะค่อย ๆ เล็กลงเรื่อย ๆ เราต้องสร้าง Strong Foundation ซึ่งเป็นคำตอบสุดท้ายในโลกยุคใหม่” ดร.กอบศักดิ์ กล่าว