
“ดร.กอบศักดิ์” หนักใจวิกฤตอสังหาฯ จีนลามไม่จบ จับตาหุ้นกู้ “คันทรี การ์เด้น” ครบดีล 27 ม.ค.นี้-ราคารูดลงหนัก เผยสินค้าจีนทะลักออกนอกประเทศ “ขายตัดราคา” กระทบกว่า 20 อุตสาหกรรมของไทย แถมเป็นปัจจัยกดเงินเฟ้อติดลบ
วันที่ 11 มกราคม 2567 ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวว่า วิกฤตอสังหาริมทรัพย์ในจีน ยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตามในปี 2567 นี้ โดยหลังจากปัญหาลุกลามมาปีกว่า ปัจจุบันคิดว่าน่าจะสุกงอมมากขึ้น ซึ่งน่ากังวลใจมาก เพราะจะเกิดภาพของเมืองร้างไปทั่ว
โดยล่าสุด บริษัทคันทรี การ์เด้น บริษัทอสังหาฯเบอร์หนึ่งของจีน มีหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในวันที่ 27 ม.ค.ที่จะถึงนี้ ราคามูลค่าหน้าตั๋วหายไปถึง 20% ในปัจจุบัน ทั้ง ๆ ที่กำลังจะครบกำหนดในอีกแค่ 2 สัปดาห์
“ราคาที่ลดลง หมายความว่า ขณะนี้คนจำนวนมากคิดว่า โอกาสของการได้เงินคืนจากคันทรี การ์เด้น ในอีกไม่กี่วัน มีโอกาสน้อยมาก ๆ นี่คือความหนักใจ และในแง่หุ้นของคันทรี การ์เด้น ซึ่งเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่สุดของอสังหาฯเมืองจีน จากที่เคยซื้อขายกันอยู่ 17.5 ดอลลาร์ฮ่องกง วันนี้ราคาซื้อขายกันอยู่ที่ 0.7 ดอลลาร์ฮ่องกง หายไปถึง 97% โดยที่ผ่านมา มีข่าวรัฐบาลจะเข้ามาช่วย แต่สุดท้ายความช่วยเหลือก็ยังไม่มา ทำให้ความมั่นใจลดลง”
ดร.กอบศักดิ์ กล่าวว่า ปัญหาภาคอสังหาฯในจีนยังได้ลุกลามไปยังเซ็กเตอร์อื่น เช่น ชาร์โดว์แบงกิ้ง (ธนาคารเงา) ก็เสียหาย ล้มไปแล้ว 1 ที่ รวมถึงกระทบซัพพลายเชนต่าง ๆ ซึ่งเซ็กเตอร์นี้ใหญ่เป็น 35% ของเศรษฐกิจจีน จึงไม่น่าแปลกใจที่นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน จึงออกมาแสดงความกังวลใจว่าเศรษฐกิจจีนจะไม่ค่อยดี ขณะเดียวกันเมื่อดูเงินเฟ้อของจีนก็พบว่าติดลบ ยิ่งไปกว่านั้นดัชนีผู้ผลิต (PPI) ยังติดลบเป็นช่วง ๆ หมายความว่า ขณะนี้ราคาสินค้าในจีน ผลิตออกมาต้องขายถูกลง เพื่อให้ขายสินค้าได้
“ที่สำคัญก็คือ จีนไม่ได้ในประเทศอย่างเดียว เมื่อผลิตมาแล้ว ขายไม่ได้ ก็ต้องขายต่างประเทศ ซึ่งจะพบว่า ค่าเงินหยวนก็อ่อนค่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาประมาณ 10% แล้วราคาสินค้าของเขาปีที่แล้วลดลง 5% ก็หมายความว่า เวลาส่งสินค้าออกนอกประเทศจะขายได้ถูกลง 10-15% นี่คือความท้าทายของบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลก และไม่น่าแปลกใจที่ทำไมเงินเฟ้อของโลกลดได้เร็ว ก็เพราะจีนที่เป็นเหมือนโรงงานของโลกกำลังตัดราคา ส่งสินค้าไปที่ต่าง ๆ ในราคาถูกลง”
ทั้งนี้ ประเทศไทยเองก็ท้าทาย โดยนอกจากจะเผชิญเงินเฟ้อติดลบแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ถูกทุ่มตลาด โดยขณะนี้ตามที่ทางหอการค้าไทยระบุว่า สินค้าไทย 20 กว่าอุตสาหกรรม จากทั้งหมดกว่า 40 อุตสาหกรรม กำลังถูกสินค้าจีนถล่ม ถูกตีตลาด จึงไม่น่าแปลกใจที่เรากำลังมีหลายอุตสาหกรรมมีปัญหา อาทิ เหล็ก เครื่องจักรกลการเกษตร ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ ดังนั้นจะเป็นความท้าทายของการปรับตัวในปีนี้”