เช่าซื้อรถฝืด “หนี้เสียท่วม” แบงก์เข้มปล่อยกู้ขอเพิ่มเงินดาวน์ลดเสี่ยง

มอเตอร์เอ็กซ์โป

ธุรกิจเช่าซื้อปี’67 หืดจับ หนี้เสีย-หนี้ค้างชำระยังไหลเพิ่มขึ้น ประธานสมาคมเช่าซื้อมองสินเชื่อโตได้ 5-10% จากปีก่อน แบงก์เข้มงวดปล่อยกู้-ยอดรีเจ็กต์เพิ่ม “KKP” เจ็บตัวจากปีที่ผ่านมา เพิ่มเงื่อนไข-เพิ่มเงินดาวน์ รับมือหนี้เสีย-ผิดนัดชำระ “ทีทีบี” ชี้ตลาดรถใหม่ไม่สดใสหันเน้น “รถแลกเงิน” มาร์จิ้นงาม

สินเชื่อเช่าซื้อฝืด

นายศรัณย์ ทองธรรมชาติ ประธานสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมธุรกิจเช่าซื้อในปี 2567 คาดการณ์ยอดขายรถยนต์จะอยู่ใกล้เคียงกับปี 2566 อยู่ที่ราว 8 แสนคัน และจำนวนยอดขายรถไฟฟ้า (อีวี) ราว 5-6 หมื่นคัน โดยคาดว่ายอดสินเชื่อเช่าซื้อจะขยายตัว 5-10% จากปี 2566 ที่มียอดการปล่อยสินเชื่อรวมราว 5.23 แสนล้านบาท และมียอดสินเชื่อคงค้าง อยู่ที่ประมาณ 1.48 ล้านล้านบาท

แนวโน้มธุรกิจยังคงเห็นผู้ประกอบการระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อใหม่ เนื่องจากเศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่ทั่วถึง ภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่ยังทรงตัวในระดับสูง ส่งผลให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อ (Reject Rate) มีทิศทางเพิ่มขึ้น โดยในส่วนของรถยนต์ใหม่เพิ่มจาก 13-18% มาอยู่ที่ 18-20% และรถใช้แล้วจะอยู่ที่ 20-25%

“ภาพรวมธุรกิจเช่าซื้อยังทรงตัวไม่ได้ปรับดีขึ้นมาก เนื่องจากยังคงมีปัจจัยลบหลายส่วนทั้งในแง่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รายได้ที่ยังไม่กลับมา และหนี้ครัวเรือนที่สูง ทำให้เช่าซื้อยังค่อนข้างเหนื่อยในปีนี้”

เพิ่มเงื่อนไข-เพิ่มเงินดาวน์

นายศรัณย์กล่าวว่า ขณะเดียวกันการอนุมัติสินเชื่อบางส่วนอาจจะเห็นการพิจารณาเพิ่มเงื่อนไขในการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าเพิ่มเติม เช่น การวางเงินดาวน์เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 5% หรือพิจารณากลุ่มอาชีพลูกค้าตามภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงภาระหนี้ต่อรายได้ของลูกค้า เป็นต้น

ขณะที่แนวโน้มสินเชื่อกล่าวถึงเป็นพิเศษ (SM) หรือสินเชื่อค้างชำระตั้งแต่ 31 วัน แต่ไม่เกิน 90 วัน ยังคงมีทิศทางไหลเพิ่มขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการเร่งบริหารจัดการดูแลไม่ให้กลายเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (หนี้เสีย) ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ โดยพยายามหลีกเลี่ยงการยึดรถลูกค้าเพื่อลดขาดทุนรถยึด แม้ว่าภาพรวมตัวเลขหนี้เสียและ SM ยังอยู่ในทิศทางขยับเพิ่มขึ้น แต่เชื่อว่ายังอยู่ในความสามารถในการบริหารจัดการได้

ADVERTISMENT

KKP ห่วงหนี้ค้างจ่ายเพิ่มขึ้น

นายเตชินท์ ดุลยฤทธิรงค์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร หรือ KKP เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปี 2567 ธนาคารยังคงระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถ เน้นกลุ่มลูกค้าที่มีคุณภาพ มีความสามารถในการผ่อนชำระ เนื่องจากที่ผ่านมาตลาดมีการแข่งขันที่รุนแรง ทำให้คนที่ไม่พร้อมสามารถกู้ได้ ส่งผลให้ตัวเลขการผิดนัดชำระหนี้ และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ปรับเพิ่มขึ้นเกินขอบเขตที่ควรจะเป็นมากเกินไป

ดังนั้นในปีนี้การพิจารณาการปล่อยสินเชื่อจะรัดกุมมากขึ้น กรณีที่ลูกค้ามีรายได้ไม่ชัดเจน อาจจะกำหนดวงเงินดาวน์เพิ่มขึ้น โดยเฉลี่ยรถใหม่อยู่ที่ 5-25% ส่วนหนึ่งการวางเงินดาวน์จะสะท้อนถึงวินัยการออมเงินของลูกค้าซึ่งเป็นลูกค้าที่ดีมีคุณภาพ โดยจะได้รับอัตราดอกเบี้ยต่ำจูงใจ เพราะความเสี่ยงน้อยกว่ากลุ่มที่ดาวน์น้อย ปัญหาคุณภาพหนี้ และตัวเลขสินเชื่อกล่าวถึงเป็นพิเศษ (SM) ยังคงมีแนวโน้มขยับเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางที่บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (NCB) ประเมินไว้

ADVERTISMENT

“ยอมรับว่าสัดส่วนหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นนั้น มีผลต่อความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ และกำลังซื้อในตลาด ทำให้ปีนี้ตลาดอาจไม่ได้โตมาก และตลาดมือสองก็ผันผวน ทำให้ไฟแนนซ์ก็ต้องระมัดระวังตัวเองด้วย และหันมาปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบตามหลักเกณฑ์ Responsible Lending คือ กลุ่มคนที่กำลังผ่อนชำระไม่ถึงก็ไม่ควรปล่อย เพราะจะกลายเป็นเอ็นพีแอลในท้ายที่สุด เหล่านี้จะเป็นธีมใหญ่ที่ธนาคารให้ความสำคัญ”

ทีทีบีชี้ตลาดรถแลกเงินโต

นายฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือทีทีบี เปิดเผยว่า เทรนด์ธุรกิจเช่าซื้อในปี 2567 คาดว่าการปล่อยสินเชื่อรถใหม่อาจจะทรงตัวจากปีก่อน ตามทิศทางยอดขายรถยนต์ อย่างไรก็ดีอาจจะเห็นการเติบโตในส่วนของ “รถแลกเงิน” เนื่องจากมีมาร์จิ้นค่อนข้างดี ขณะที่ภาพตลาดรถมือสองทั้งระบบยังคงเผชิญเรื่องของราคาปรับลดลงค่อนข้างมาก เพราะจำนวนรถที่ไหลเข้ามาเยอะ ขณะที่คนที่ต้องการซื้อน้อยลง ซึ่งเป็นความเสี่ยงของตลาดรถมือสอง แต่เชื่อว่าในที่สุดเมื่อราคาถึงจุดต่ำสุดภาพตลาดมือสองจะปรับดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ

ธนาคารจะขึ้นระบบการอนุมัติสินเชื่อเช่าซื้อแบบออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชั่น “ttb touch” ภายในไตรมาสที่ 2/2567 เพื่อให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบสถานะการอนุมัติสินเชื่อ วงเงินกู้ที่จะได้รับ ซึ่งหากวงเงินที่ได้รับน้อยกว่าลูกค้าต้องการ ลูกค้าอาจจะต้องให้เอกสารเพิ่มเติม แต่ระบบจะช่วยให้ลูกค้าสามารถรู้ผลก่อนว่าได้รับการอนุมัติสินเชื่อหรือไม่ และวงเงินเท่าไร โดยลูกค้าที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อสามารถแสดงผลให้กับตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ (ดีลเลอร์) ได้ทันที ซึ่งกระบวนการจะเร็วขึ้น โดยธนาคารตั้งเป้าอนุมัติสินเชื่อเช่าซื้อออนไลน์ประมาณ 50% ของยอดที่มีการอนุมัติสินเชื่อเช่าซื้อเฉลี่ยราว 1 หมื่นคันต่อเดือน

พอร์ต “เช่าซื้อ” ฉุดกำไรแบงก์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในปี 2566 ที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์ที่มีพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อสัดส่วนสูง มีผลกระทบต่อผลกำไรของแบงก์ค่อนข้างมาก อย่างธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) ที่รายงานตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ปี 2566 ธนาคารและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 5,443 ล้านบาท ลดลง 28.4% เมื่อเทียบกับปี 2565 โดยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของผลขาดทุนด้านเครดิต และผลขาดทุนจากการขายรถยึดในส่วนของธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อ ผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่มีการฟื้นตัวอย่างไม่ทั่วถึง และปัจจัยทางด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเช่าซื้อ

นายเตชินท์ ผู้บริหาร KKP เปิดเผยเพิ่มเติมว่า สาเหตุของการขาดทุนจากการขายรถยึดของธนาคาร เพราะภายหลังออกจากสถานการณ์โควิด-19 มาตรการพักหนี้จบลง ทำให้มีรถยึดเข้ามาค่อนข้างเยอะ และรถมือสองในตลาดค่อนข้างล้น ประกอบกับรถยนต์ใหม่ หรือรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) มีการแข่งขันรุนแรง โดยปรับราคาลดลงค่อนข้างเยอะ เฉลี่ย 1 แสนบาท ส่งผลให้ซัพพลายในตลาดมือสองขายได้ยากขึ้น รวมถึงหนี้ครัวเรือนที่ปรับเพิ่มขึ้น ทำให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อน้อยลง จึงกระทบดีมานด์ในตลาดมือสอง

“มองว่าสถานการณ์ผลขาดทุนจากรถยึดน่าจะดีขึ้น เพราะสินเชื่อเช่าซื้อแตกต่างจากสินเชื่อประเภทอื่นที่ใช้เวลาแก้ 5-7 ปี แต่เช่าซื้อยึดเร็วขายเร็ว ตลาดปรับตัวค่อนข้างเร็ว อย่างไรก็ดี อาจจะต้องติดตามแรงกดดันราคาจากผู้ประกอบการตลาดรถใหม่ว่าจะแข่งขันดุเดือดหรือไม่ แม้ว่าการอุดหนุนจะลดลงแล้ว”

ขณะที่บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ปี 2566 กลุ่มทิสโก้มีกำไรสุทธิ 7,303 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.1% เมื่อเทียบปีก่อน (YOY) โดยในส่วนสินเชื่อเช่าซื้อลดลง 3.1% จากสินเชื่อเช่าซื้อรถใหม่ ที่ลดลง 5.9% ตามนโยบายการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง ในภาวะที่ตลาดมีการแข่งขันรุนแรง

นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TISCO เปิดเผยว่า ปีนี้แบงก์คงจะเน้นการเติบโตในกลุ่มสินเชื่อที่มีหลักประกันอย่าง “สินเชื่อจำนำทะเบียน” ส่วนธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อคงจะแค่รักษาตำแหน่งทางการตลาดไว้เท่านั้น เพราะอัตราดอกเบี้ยแข่งขันสูง การที่จะแข่งด้วยการกดดอกเบี้ยต่ำกันเกินไป จะมีความเสี่ยงด้านเครดิตซึ่งมองไปข้างหน้าแล้วมีความไม่แน่นอนอยู่เยอะ โดยจะเน้นกลุ่มสินเชื่อรถมือสอง สินเชื่อเพื่อการพาณิชย์ และสินเชื่อรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ควบคู่กับการควบคุมคุณภาพสินเชื่อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม