แบงก์ขยายธุรกิจต่างประเทศ “BBL-SCB-กสิกร-กรุงศรี” ลุยเต็มสูบ

Bank business

4 แบงก์ใหญ่ลุยธุรกิจต่างประเทศต่อเนื่อง “ธนาคารกรุงเทพ” หนุนลูกค้ารายใหญ่ขยายกิจการ ชี้ตลาด “อินโดฯ-เวียดนาม” โตดี ขณะที่ “ไทยพาณิชย์” ซื้อ “Home Credit เวียดนาม” เป็นตลาดใหญ่-โอกาสเติบโตสูง ปูทางสู่ “Tech Company” ระดับภูมิภาค ฟาก “กสิกรไทย” รุกหนักตลาดจีน ล่าสุดเปิดสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ที่เมืองเสิ่นเจิ้น ด้าน “กรุงศรีฯ” ตั้งเป้า 3 ปีขยับรายได้ต่างประเทศเป็น 25%

นายเจริญลาภ ธรรมาณิชานนท์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ รับผิดชอบกิจการธนาคารต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในปี 2567 นี้ การดำเนินธุรกิจต่างประเทศ ธนาคารยังคงเดินหน้าเติบโตและสนับสนุนลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยการเติบโตหลักจะมาจากประเทศอินโดนีเซีย และเวียดนาม ขณะที่จีนนั้น แม้ว่า จะมีปัญหาในเรื่องภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่พื้นฐานทางเศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง

“สัญญาณการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในอินโดนีเซีย และเวียดนามเติบโตค่อนข้างดี แม้ว่าเวียดนามอาจจะมีช็อกช่วงหนึ่ง แต่ก็สามารถกลับมาเติบโตได้ โดยเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการผลิต ทั้งผลิตเพื่อขายในประเทศและส่งออก ขณะที่อินโดนีเซียมีการบริโภคภายในประเทศที่ค่อนข้างดี และรัฐบาลลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่อเนื่อง ซึ่งแม้ว่าที่ผ่านมาจะมีการเลือกตั้ง แต่การเปลี่ยนผ่านรัฐบาลเป็นไปอย่างราบรื่น จึงเป็นโอกาสในการขยายกิจการ”

ทั้งนี้ ธนาคารสนับสนุนลูกค้าทั้งลูกค้าไทยและต่างประเทศที่ต้องการไปลงทุนขยายกิจการในต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา เห็นสัญญาณลูกค้าในกลุ่มการผลิต เคมีภัณฑ์ ออโต้ และอุปโภคบริโภค (Consumer) มีการขยายการลงทุนต่อเนื่อง ทำให้สินเชื่อและรายได้จากต่างประเทศเติบโตอยู่ในอัตราที่ดี

“Growth จะมาจากอินโดนีเซีย และเวียดนามเป็นหลัก ซึ่งการขยายธุรกิจต่างประเทศของแบงก์กรุงเทพ เป็นวิสัยทัศน์ในการทำธุรกิจมานาน ควบคู่กับการเติบโตในประเทศ”

นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ตามที่ บมจ.เอสซีบี เอกซ์ (SCBX) โดยธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ลงนามซื้อกิจการ ของบริษัท Home Credit Vietnam Finance Company Limited หรือ Home Credit Vietnam ในราคา 3.1 หมื่นล้านบาทนั้น เป็นกลยุทธ์ของ SCBX ที่ต้องการเป็น Tech Company ระดับภูมิภาค

กฤษณ์ จันทโนทก
กฤษณ์ จันทโนทก

โดยตลาดเวียดนาม มีประชากรราว 100 ล้านคน มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ย 7-8% ต่อปี ขณะที่ Home Credit มีฐานลูกค้าถึง 15 ล้านคน

“เราเองก็มีสาขาอยู่เวียดนาม และในหลายประเทศของภูมิภาคนี้ ซึ่งโจทย์สำคัญ คือ การช่วยลูกค้าขยายธุรกิจเข้าไปในประเทศที่เราทำธุรกิจ หากเรามีฐานที่มั่นในเรื่องของธุรกิจ Consumer Lending ในเวียดนาม โอกาสที่เราจะต่อยอดไปยังบริษัทที่ต้องการจะต่อยอดใน Value Chain ผ่านการช่วยลูกค้าแมตชิ่ง เพราะอย่าลืมว่าเขามีจุด Touch Point 1.4 หมื่นจุด อย่างไรก็ดี รายได้จาก Home Credit ปีนี้ยังไม่เข้ามา เพราะธุรกรรมจะแล้วเสร็จภายในกลางปี 2568”

นายพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธุรกิจต่างประเทศของธนาคารยังขยายตัวต่อเนื่อง และยังเป็นเป้าหมายสำคัญเพื่อก้าวสู่ธนาคารยุคใหม่แห่งภูมิภาค AEC+3 โดยที่ผ่านมา ธนาคารมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 3% ของรายได้รวมทั้งหมด คาดว่าปีนี้น่าจะขยับขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ราว 4% ของรายได้รวมทั้งหมด

ทั้งนี้ ประเทศที่สามารถสร้างรายได้ให้กับธนาคารได้มากที่สุด คือ อินโดนีเซีย จีน และเวียดนาม จากภาพรวมสาขาธนาคารต่างประเทศที่มีอยู่ 9 ประเทศ

ล่าสุด ธนาคารกสิกรไทย (ประเทศจีน) ได้เปิดสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ที่เมืองเสิ่นเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ยกระดับการให้บริการในประเทศจีน และรองรับการขยายตัวด้านการค้าการลงทุน มุ่งเน้นธุรกิจจีนที่ต้องการไปลงทุนในไทยและอาเซียน กับธุรกิจไทย-อาเซียนที่ต้องการขยายตลาดมายังประเทศจีน เพื่อเชื่อมโยงเศรษฐกิจระหว่างภูมิภาค ตอกย้ำการเป็นธนาคารแห่งภูมิภาค AEC+3 ผ่านการบริการดิจิทัล

ปัจจุบันธนาคารกสิกรไทย (ประเทศจีน) เป็นธนาคารจากต่างชาติจากอาเซียนแห่งแรกที่มีสำนักงานใหญ่ที่เสิ่นเจิ้น มีสินทรัพย์กว่า 100,000 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยปีละ 30% มีลูกค้ารายย่อยกว่า 3 ล้านราย และมีสาขาใน 4 เมืองหลักในประเทศจีน ได้แก่ เสิ่นเจิ้น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และเฉิงตู เพื่อให้ครอบคลุมเครือข่ายลูกค้าธุรกิจระหว่างไทย จีน และ AEC

นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ปัจจุบันเครือข่ายของกรุงศรีฯ และ MUFG มีอยู่ 9 ใน 10 ประเทศในอาเซียน

ไพโรจน์ ชื่นครุฑ
ไพโรจน์ ชื่นครุฑ

และธนาคารยังประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการ Home Credit อินโดนีเซียและฟิลลิปินส์ ทำให้ธนาคารมีบริษัทในเครือกระจายอยู่ใน 5 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม กัมพูชา และ สปป.ลาว ที่ให้บริการลูกค้าแล้วกว่า 17 ล้านราย มียอดสินเชื่อกว่า 1.05 แสนล้านบาท มีพนักงานกว่า 2.1 หมื่นคน

“เราจะใช้จุดแข็งจากเครือข่ายของ MUFG ที่มีอยู่ และพันธมิตรแบงก์ในการสนับสนุนลูกค้าในการเติบโต พร้อมมองหาโอกาสในธุรกิจต่างประเทศ ซึ่งในปี 2567 ธนาคารตั้งเป้าการเติบโตสินเชื่อรายย่อยในต่างประเทศอยู่ที่ 13-15% เพราะมีโอกาสขยายตัวอีกมากจากศักยภาพทางเศรษฐกิจ ขนาดตลาดและฐานลูกค้าจำนวนมาก โดยภายใน 3 ปีข้างหน้าคาดว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะเพิ่มเป็น 25% จากปีก่อนอยู่ที่ 14% ของรายได้รวมทั้งหมด”