กรมบัญชีกลาง ย้ำหน่วยงานรัฐ เร่งขอขยายเวลาเบิกจ่ายเงินปี’66 ภายใน 29 มี.ค.

กรมบัญชีกลาง เปิดหลักเกณฑ์ขอขยายเวลาเบิกจ่ายงบประมาณปี 2566 ย้ำ ให้หน่วยงานของรัฐเร่งขอให้ทันภายใน 29 มี.ค. 67 ก่อนงบฯถูกพับ

วันที่ 28 มีนาคม 2567 นางแพตริเซีย มงคลวนิช อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า เนื่องจากขณะนี้ใกล้สิ้นสุดระยะเวลาการกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีของงบประมาณปี พ.ศ. 2566 แต่ยังคงมีหน่วยงานของรัฐที่ไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณที่ได้รับอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งกระทรวงการคลังได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการขอขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2566 ที่ได้รับอนุมัติให้กันไว้เบิกเหลื่อมปี

กรณีมีหนี้ ได้ถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม 2567 ทุกรายการ ไว้ใช้จ่ายได้ถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน 2567 ตามหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค 0402.5/ว 34 ลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 โดยหน่วยงานของรัฐ หรือหน่วยงานผู้เบิกแทน ที่จะขอขยายเวลาเบิกจ่ายงบประมาณ ต้องดำเนินการเลือก (LIST) และยืนยันข้อมูล (CONFIRM) ใบสั่งซื้อสั่งจ้าง (PO) และ/หรือเอกสารสำรองเงินทุกประเภทที่ต้องการขยายเวลาเบิกจ่ายงบประมาณ ในระบบ New GFMIS Thai

สำหรับหน่วยงานของรัฐที่เป็นส่วนราชการ และ/หรือหน่วยงานผู้เบิกแทนที่มีสำนักงานในภูมิภาค ต้องดำเนินการเลือก (LIST) ใบสั่งซื้อสั่งจ้าง (PO) และ/หรือเอกสารสำรองเงิน ทุกประเภทที่ต้องการขยายเวลาเบิกจ่ายงบประมาณในระบบ New GFMIS Thai และตรวจสอบรายงานการขอขยายเวลาเบิกจ่ายงบประมาณ ก่อนส่งให้ส่วนราชการเจ้าของงบประมาณ หรือหน่วยงานผู้เบิกแทน เป็นผู้รวบรวมและยืนยันข้อมูล (CONFIRM) ในระบบ New GFMIS Thai

“การขอขยายเวลาเบิกจ่ายงบประมาณผ่านระบบ New GFMIS Thai ให้หน่วยงานของรัฐ หรือหน่วยงานผู้เบิกแทนดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 29 มีนาคม 2567 เวลา 16.30 น. หากไม่ดำเนินการดำเนินการเลือก (LIST) และยืนยันข้อมูล (CONFIRM) ใบสั่งซื้อสั่งจ้าง (PO) และ/หรือเอกสารสำรองเงิน ในระบบ New GFMIS Thai ภายในเวลาที่กำหนดข้างต้น งบประมาณดังกล่าวต้องถูกพับไป

สำหรับหน่วยงานของรัฐ หรือหน่วยงานผู้เบิกแทน ที่ได้รับอนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายงบประมาณปี พ.ศ. 2566 เรียบร้อยแล้ว ขอให้เร่งรัดการเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน 2567 หากไม่ดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนด งบประมาณดังกล่าวจะถูกพับไปโดยผลของกฎหมาย” อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าว