เครดิตบูโรเผย ปรับชำระบัตรเครดิตขั้นต่ำ 5% เป็น 8% กระทบผิดนัดชำระหนี้พุ่ง 32.4%  

เครดิตบูโร

บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือ เครดิตบูโร เปิดตัวเลขหนี้บัตรเครดิตส่งสัญญาณผิดนัดชำระหนี้ หรือ SM อยู่ที่ 1.9 แสนใบ เม็ดเงิน 1.2 หมื่นล้านบาท เติบโต 32.4% yoy หรือ 20.6% QoQ สาเหตุการปรับชำระขั้นต่ำจาก 5% เป็น 8% จับตา SM-NPL ไหลเพิ่ม ระบุ พบกลุ่ม Gen Y ถึง 2.3 หมื่นใบ

วันที่ 7 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Surapol Opasatien” ว่า ข้อมูลไตรมาสที่ 1/2567 เกี่ยวกับสินเชื่อบัตรเครดิตจากฐานข้อมูลสถิติที่ไม่มีตัวตนของเครดิตบูโรครับ ขอนำเรียนความห่วงใย ดังนี้

1.ตั้งแต่ต้นปี 2567 การจ่ายชำระหนี้ขั้นต่ำของบัตรเครดิตจะต้องเริ่มต้นที่ 8% จากเดิมที่ผ่อนผันในช่วงการระบาด covid-19 ที่กำหนดไว้ 5%

2.มีคำถามมาตลอดว่าถ้ากติกาใหม่ออกมาจะทำให้หนี้เสียหรือ NPLs กระโดดมั้ย จะทำให้หนี้กำลังจะเสียหรือ SM กระโดดมั้ย

3.ตัวเลข ณ มีนาคม 2567 ยอดหนี้บัตรเครดิตทั้งหมด 24 ล้านใบ เป็นเงิน 5.5 แสนล้านบาท เติบโต 3.2% yoy ถ้าเทียบจากสิ้นปี 2566 หดตัว 5.1% qoq อันนี้ก็พอทราบไม่มีอะไรแปลกใจ

Advertisment

4.ตัวเลข บช.สินเชื่อบัตรเครดิตที่เป็น NPLs ค้างเกิน 90 วันจะมีจำนวนประมาณ 1 ล้านบัตรเศษ คิดเป็นยอดเงิน 6.4 หมื่นล้านบาท เติบโต 14.6% yoy อันนี้เริ่มไม่สบายใจแล้วครับ

5.พอมาดูยอดหนี้ที่เป็น SM หรือหนี้ที่กำลังจะเสียพบว่ามีจำนวนบัตรที่ชำระหนี้ได้แบบตะกุกตะกัก ติด ๆ ขัด ๆ 1.9 แสนบัตรครับ จำนวนเงิน 1.2หมื่นล้านบาท เติบโต 32.4% yoy มาถึงตรงนี้เริ่มตาโตแล้วครับว่า แค่สามเดือนแรกของการปรับเพิ่มยอดชำระขั้นต่ำทำไมมันเกิดการกะโดดใน SM ตามต่อไปดูว่าแล้วมันโตจากปลายปี 2566 เท่าใด ก็พบว่าเติบโตถึง 20.6 qoq ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ต้องบอกว่า เป็นอะไรที่ต้องระวังว่ามันจะไหลเพิ่ม ไหลแรงกว่าเดิมหรือไม่

นอกจากปัญหาค่าครองชีพแล้ว รายได้ไม่ฟื้นตัว เปราะบางจนนุ่มนิ่ม มันสะท้อนแล้วว่าชำระหนี้สินเชื่อนี้ได้ลำบากมากขึ้น ตามภาพกราฟที่แสดงนะครับ ผมลองทำดูว่าจากบัตรเครดิตที่เป็น SM จำนวนเกือบสองแสนใบนั้นเป็นบัตรที่เปิดมานานเท่าใดแล้ว พบว่า

-เปิดมาไม่เกิน 2 ปี มีจำนวน 3.6 หมื่นบัตรครับ อยู่ในมือคน Gen Y 2.3 หมื่นบัตร

Advertisment

-เปิดมามากกว่า 2 ปีแต่ไม่เกิน 4 ปี มีจำนวน 3.9 หมื่นบัตร อยู่ในมือ Gen Y 2.7 หมื่นบัตร Gen X 9.2 พันบัตร

-เปิดมามากกว่า 4 ปี แต่ไม่เกิน 6 ปี 4.5 หมื่นบัตร อยู่ในมือคน Gen Y 3 หมื่นบัตร Gen X 1.2 หมื่นบัตร

อันนี้เป็นตัวอย่างให้เห็นในภาพด้านล่าง คำถามตัวโต ๆ คือ SM จะไหลต่อเป็น NPLs อีกเท่าใด การกำหนดให้ชำระหนี้ขั้นต่ำเพิ่มขึ้นจาก 5% เป็น 8% และ 10% ตามลำดับ มันช่วยแก้ปัญหาหนี้ได้จริง ๆ ใช่มั้ย ตามเป้าประสงค์มาตรการ ความจริงคนเรามีบัตรเครดิตได้หลายใบ การเพิ่มอีก 3% ของยอดหนี้ในแต่ละใบ คนไม่เคยเป็นหนี้อาจนึกไม่ออกว่าจะหมุนหาจากไหนไปจ่ายได้ และประการสุดท้ายค่าใช้จ่ายทั้งหลายมันเริ่มเพิ่มอย่างชัดเจน เช่น ไข่ไก่ ผักบางชนิด น้ำมันก็เริ่มขยับ เป็นต้น

การท่องตำราแก้ปัญหากับการท่องยุทธจักรแบบเดินเผชิญสืบ มันใช้ใจที่ต่างกัน ตัวอย่างเรื่องนี้คือหนังชีวิตจริง แต่ถ้ามองเป็นหนังอานิเมะ มันก็อาจผิดเพี้ยน ต้องกลับมาดูกันเพราะแค่ 3 เดือนกลิ่นมันแรงแบบโตขึ้น 32.4% yoy 20.6% qoq มันไม่ธรรมดานะครับ

ตั้งโจทย์ผิด แต่ตอบโจทย์ที่ผิดได้ถูก ผลลัพธ์ผลผลิตมันจะผิดเพี้ยนไปหรือไม่ วันนี้ฝนตกแล้ว ฝนหลังฝุ่นที่ร้อนระอุย่อมสวยงามเสมอ