
ลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยวันนี้ 3,208.68 ล้านบาท สวนทางนักลงทุนไทยซื้อสุทธิ 1,881.95 ล้านบาท ทำให้ตั้งแต่ต้นปีต่างชาติขายหุ้นไทยแล้ว 93,026.27 ล้านบาท
วันที่ 11 มิถุนายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาพรวมหุ้นไทยปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SET อยู่ที่ 1,316.10 จุด ลดลง 2.47 จุด หรือ -0.19% จากดัชนีวันก่อนหน้า ดัชนี SET50 -0.21% และ mai +0.80% มีมูลค่าซื้อขายรวม 45,320.57 ล้านบาท
โดยนักลงทุนต่างชาติเป็นกลุ่มเดียวที่ขายสุทธิหุ้นไทย จำนวน 3,208.68 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนสถาบัน ซื้อสุทธิ 1,313.02 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยในประเทศ ซื้อสุทธิ จำนวน 1,881.95 ล้านบาท และบัญชีหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 13.72 ล้านบาท
ทั้งนี้นับจากต้นปีถึงวันที่ 11 มิ.ย. 2567 นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิหุ้นไทย 93,026.27 ล้านบาท และนับตั้งแต่วันที่ 1-11 มิ.ย. นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยแล้ว 10,866.65 ล้านบาท
นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยออกไปแล้ว 14 วันทำการติดต่อกัน นับจากวันที่ 21 พ.ค.-11 มิ.ย. 2567 คิดเป็นมูลค่ารวม 27,630.45 ล้านบาท ประกอบด้วย
21 พ.ค. ขายสุทธิ 3,150 ล้านบาท
23 พ.ค. ขายสุทธิ 1,014.36 ล้านบาท
24 พ.ค. ขายสุทธิ 834.78 ล้านบาท
27 พ.ค. ขายสุทธิ 1,071.08 ล้านบาท
28 พ.ค. ขายสุทธิ 1,660.46 ล้านบาท
29 พ.ค. ขายสุทธิ 3,562.44 ล้านบาท
30 พ.ค. ขายสุทธิ 1,372.78 ล้านบาท
31 พ.ค. ขายสุทธิ 4,097.90 ล้านบาท
4 มิ.ย. ขายสุทธิ 2,243.42 ล้านบาท
5 มิ.ย. ขายสุทธิ 121.23 ล้านบาท
6 มิ.ย. ขายสุทธิ 3,184.65 ล้านบาท
7 มิ.ย. ขายสุทธิ 495.87 ล้านบาท
10 มิ.ย. ขายสุทธิ 1612.80 ล้านบาท
11 มิ.ย. ขายสุทธิ 3,208.68 ล้านบาท
หมายเหตุ : ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ฯ (SETSMART)
ด้านบริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีฯ รายงานว่า SET Index ปรับลง -2.47 จุด -0.19% ปิดที่ 1316.10 จุด มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 4.53 หมื่นล้านบาท (จำนวนหุ้นปรับขึ้น 271 บริษัท จำนวนปรับลง 216 บริษัท) โดยดัชนียังเคลื่อนไหวผันผวน แม้รีบาวนด์ได้ระหว่างวัน แต่กลับมาปิดปรับตัวลดลง สะท้อนตลาดยังรอความชัดเจนหลายเหตุการณ์สำคัญในวันพรุ่งนี้ ภายใน อาทิ การพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกล การประชุม กนง. ส่วนต่างประเทศ คือ รายงานเงินเฟ้อ CPI สหรัฐ และการประชุม Fed โดยกลุ่มที่หนุนดัชนี คือ กลุ่มการแพทย์ BH, BDMS และกลุ่มชิ้นส่วน HANA, KCE, DELTA ส่วนกลุ่มที่ถ่วงดัชนีคือ กลุ่มธนาคารและกลุ่มค้าปลีก
โดยหุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่นคือ
-BDMS (+1.87%), BH (+0.42%), CHG (+2.96%), BCH (+1.1%) หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลขึ้นจากประเด็น อุตสาหกรรมกำลังเข้าสู่ช่วง High Season ของกลุ่มโรงพยาบาล คือช่วงหน้าฝนซึ่งมีผู้ป่วยเยอะ รวมกับเป็นหุ้น Defensive ที่เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ตลาดเผชิญความผันผวน โดยนักวิเคราะห์ KSS ให้น้ำหนักลงทุนกลุ่มการแพทย์เป็น Bullish เลือก แนะนำ BDMS (TP24F-37.00) และ CHG (TP-3.7) เลือกเป็นหุ้นเด่นกลุ่ม
-BE8 (+4.22%), BBIK (+4.27%) หุ้นในกลุ่ม Digital Consult Tech ปรับตัวขึ้น เราคาดว่าหลังจากราคาหุ้นปรับตัวลดลง สะท้อนอุตสาหกรรมระยะสั้นเผชิญภาวะแข่งขันสูงในช่วงต้นปี โดยนักวิเคราะห์ KSS ประเมินธุรกิจผ่านจุดต่ำสุดในงวด 1Q24 ไปแล้ว
โดยเฉพาะภาพใหญ่ที่ทีมกลยุทธ์เห็นการเบิกจ่ายงบฯลงทุนรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาเร่งสู่ 40% VS สัปดาห์ก่อนหน้าที่ 28% เชื่อว่าระยะถัดไปจะช่วยคลายสถานการณ์การแข่งขันภายในกลุ่ม สอดคล้องมุมมองจากที่ประชุม BE8 วานนี้ ซึ่งคาดผลประกอบการเริ่มฟื้นตัวชัดเจนตั้งแต่ 3Q24 หนุนล่าสุดนักวิเคราะห์ของ KSS ได้ปรับคำแนะนำ BE8 จาก Neutral เป็น Buy ที่ (TP24F-21.00)
-HANA (+3.6%), KCE (+1.2%), DELTA (+0.7%) หุ้นกลุ่มชิ้นส่วนปรับตัวขึ้น จากยอดส่งออกของเกาหลีใต้ปรับตัวลดลงในช่วง 10 วันแรกของเดือน มิ.ย. แม้ลดลง -4.7% Y-Y แต่เนื่องจากมีจำนวนวันทำงานน้อยกว่าปีที่แล้ว
ขณะที่หากมองรายสินค้า ยอดส่งออกเซมิคอนดักเตอร์พุ่งขึ้น 36.6% Y-Y ผสาน ประเด็นจิตวิทยาเชิงบวก Apple เปิดตัว Apple Intelligence เน้นการต่อยอดจากผู้ใช้งาน หนุนรอบการเปลี่ยนเครื่องมือถือ Smart Device ต่าง ๆ โดยเราแนะนำซื้อ KCE (TP24F-45.00) และแนะนำ Trading HANA ต่อตามภาพรวมภาคผลิตโลกที่กำลังฟื้นตัวเร่งได้ต่อ
-JMART (+13.45%) JMT (+10.74%) SINGER (+11.66%) SGC (+17.73%) หุ้นในกลุ่ม JMART ปรับตัวขึ้นโดดเด่นต่อเนื่อง คาดตลาดเก็งอาจจะมีประเด็นบวกในการประชุมนักวิเคราะห์วันที่ 17 มิ.ย.
-KBANK (-1.57%) BBL (-1.11%) SCB (-0.96%) KTB (-1.13%) ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารถูกเทขาย เรามองเป็นการลดความเสี่ยงก่อนการประชุม กนง. ทั้งในส่วนมติดอกเบี้ยนโยบายและมุมมองต่อเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีในพรุ่งนี้ ทั้งนี้ ในกลุ่มธนาคาร นักวิเคราะห์ KSS ยังเลือก KTB (TP-21) เป็น Top Picks