ฮั่วเซ่งเฮง คาด “ทรัมป์” รับตำแหน่งฉุดราคาทองช่วงแรก ลุ้นแตะ 3,000 ดอลลาร์ ครึ่งปีหลัง

ราคาทอง

ฮั่วเซ่งเฮง วิเคราะห์ “ทรัมป์” รับตำแหน่งฉุดราคาทองช่วงแรก มองระยะยาวราคายังไปได้ต่อ ลุ้นแตะ 3,000 ดอลลาร์ ครึ่งปีหลัง ทองไทยขึ้นกับค่าเงินบาท ให้กรอบ 42,500-48,000 บาท

นายธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ทิศทางราคาทองคำในปีนี้ยังขึ้นอยู่กับการเข้ามาของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่จะเข้ารับตำแหน่งทางการวันพรุ่งนี้ (20 ม.ค.) โดยต้องติดตามนโยบายที่ประกาศออกมา และการทำงานใน 100 วันแรก ว่าตลาดจะตอบรับอย่างไร หากดูในช่วงที่หาเสียง จะเห็นได้ชัดว่าฐานเสียงของทรัมป์คือคนรวย ดังนั้น สิ่งแรกที่มุ่งในการดำเนินการ นั่นคือการลดภาษีนิติบุคคล ซึ่งจะทำให้ประเทศสหรัฐมีรายได้ที่หายไป จึงต้องมีการหารายได้ในทางอื่น ซึ่งสิ่งที่พูดกันคือเรื่องการกีดกันทางการค้า การขึ้นภาษีประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็น แคนาดา เม็กซิโก รวมถึงประเทศจีนที่เป็นคู่กัดระดับโลกในปัจจุบันที่ทุกคนต่างจับตา

ทั้งนี้ นักลงทุนจะติดตามเรื่องของค่าเงินดอลลาร์และดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ ว่าจะอยู่ในระดับใด จากเดิมที่เคยมองกันว่าปีนี้จะลดดอกเบี้ยหลายครั้ง ล่าสุดอาจจะเหลือเพียง 1-2 ครั้ง หรือไม่ปรับลดเลย

“เนื่องจากทรัมป์ขู่เรื่องการไม่ต้อนรับคนทำงานต่างประเทศที่เดินทางข้ามชายแดนมา ดังนั้น ตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐอาจจะดูดีขึ้น ทำให้เศรษฐกิจจะมีการจ้างงานมากขึ้น แต่ก็อาจจะทำให้ต้นทุนแพงขึ้น และอาจส่งผลให้เงินเฟ้อสหรัฐที่จะอยู่ในระดับสูง ซึ่งตรงนี้จะเป็นปัจจัยบวกสำหรับราคาทองคำในระยะถัดไป”

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นคาดการณ์ว่าการเข้ามาของทรัมป์ในช่วงแรกจะเป็นลบกับราคาทองคำ แต่สิ่งที่ยังต้องดูต่อคือหนี้สาธารณะของสหรัฐที่ยังสูง และหากไปทำสงครามการค้ากับประเทศอื่นก็จะต้องมีการสู้กลับ รวมถึงการจับมือกับพันธมิตรอย่างกลุ่มประเทศบริกส์ (BRICS) ที่เริ่มมีประเทศสมาชิกที่เพิ่มขึ้น ที่จะลดบทบาทของค่าเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ การซื้อทองคำที่มากขึ้นของธนาคารกลางต่าง ๆ จะทำให้ราคาทองยืนอยู่ในระดับสูงได้พอสมควร

“เรามองว่าการที่ทรัมป์เข้ามาเบื้องต้น กับเศรษฐกิจสหรัฐที่ดีอยู่ในปัจจุบัน จะทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าในช่วงแรกจะกดดันทองคำ”

ADVERTISMENT

ทั้งนี้ ความไม่แน่นอนจากสไตส์การบริหารของทรัมป์เป็นสิ่งที่ทุกคนจับตาดู ซึ่งจากความไม่แน่นอน ส่วนใหญ่ทองมักจะได้อานิสงส์ที่ดี อย่างปีนี้ แม้มีการมองว่าเศรษฐกิจจะไม่ดี แต่ช่วงตรุษจีนไม่ว่าเศรษฐกิจเป็นอย่างไร คนก็ซื้อทองอยู่ดี เพราะเป็นเรื่องของวัฒนธรรม อย่างไรก็ตาม การแกว่งของราคา หรือการทำให้ราคามีความเคลื่อนไหว นักลงทุนจะชอบ

นายธนรัชต์ กล่าวว่า ฮั่วเซ่งเฮงให้กรอบราคาทองคำ Spot เฉลี่ยทั้งปีนี้ไว้ที่ 2,500-3,000 ดอลลาร์ ส่วนกรอบราคาทองคำในประเทศมองว่า แนวรับจะอยู่ที่ 42,500 บาท ส่วนแนวต้านขึ้นอยู่กับค่าเงินบาท ว่าจะอยู่ที่ระดับใด หากอยู่ที่ 34 บาท/ดอลลาร์ แนวต้านจะอยู่ที่ประมาณ 47,000 บาท หากเกิน 35 บาท/ดอลลาร์ แนวต้านจะอยู่ที่ 48,000 บาทได้

ADVERTISMENT

“ทิศทางเงินบาทก็เป็นปัจจัยสำคัญ หากดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ค่าเงินบาทก็อ่อนลง แต่เศรษฐกิจบ้านเราตรงกันข้ามกับสหรัฐ ตัวเลข GDP ที่คาดกันไม่ได้สวยงามมาก อยู่ที่ 2.9% และมีแนวโน้มว่าจะลดลง จึงขึ้นกับนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ด้วย ต้องดูว่าในเดือน ก.พ.นี้ หากเริ่มลดดอกเบี้ย ค่าเงินบาทจะอ่อนค่าลง จะเป็นปัจจัยบวกกับราคาทองคำในประเทศ”

ดังนั้น สำหรับทองคำในประเทศปีนี้ ประเมินว่านักลงทุนจะทยอยเข้าซื้อ จากราคาทองคำที่ทยอยปรับย่อลง และในช่วงค่าเงินบาทอ่อนค่าจะได้อานิสงส์ หากถือต่อไปในระยะยาว เมื่อทรัมป์เริ่มมีความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างประเทศต่าง ๆ เชื่อว่าถึงจุดหนึ่งค่าเงินดอลลาร์จะเริ่มอ่อนค่าลง และเป็นบวกกับราคาทองคำ

ส่วนทองคำ Spot มองว่าหากราคาย่อตัวลงที่ประมาณ 2,500 ดอลลาร์ เป็นจุดที่น่าเข้าไปซื้อสะสม เพราะมองระยะยาวทั้งปีที่เหลือ มีส่วนประกอบที่จะทำให้ราคาทองปรับขึ้นได้ไม่ยาก แต่อาจจะไม่ร้อนแรงเหมือนปีที่ผ่านมา

“ปีนี้เริ่มต้นปี ราคาทองคำอยู่ที่ประมาณ 2,600 ดอลลาร์ ซึ่งสถิติแต่ละปีมีผลตอบแทนเฉลี่ยที่มากกว่า 10% ดังนั้น 3,000 ดอลลาร์ก็มีโอกาสได้เห็น ซึ่งโอกาสจะเห็นในครึ่งปีหลังมากกว่าครึ่งปีแรก เพราะครึ่งปีแรกคนน่าจะให้ความสำคัญกับการที่ทรัมป์เข้ามา” ซีอีโอฮั่วเซ่งเฮงกล่าว

ฮั่วเซ่งเฮง
ฮั่วเซ่งเฮง