คลังรื้อโมเดล ‘คุณสู้เราช่วย’ ค้างชำระ 1 วันก็เข้าได้-ไม่ทิ้งลูกหนี้ดี

มาตรการแก้หนี้

คลัง-ธปท. เขย่ามาตรการแก้หนี้ “คุณสู้ เราช่วย” ปรับเกณฑ์เปิดกว้างให้ลูกหนี้เข้าร่วมโครงการ ตั้งเป้าขยายเพิ่มอีก 2 ล้านราย เผยผิดนัดจ่ายหนี้ตั้งแต่ 1 วันก็มีสิทธิเข้าร่วม รวมถึงกลุ่มหนี้เสียเกิน 1 ปี หลังเปิดโครงการมา 5 เดือน “ไม่เข้าเป้า” ขณะที่หลายฝ่ายยังกังวลปัญหา Moral Hazard คลังหนุนแบงก์ชาติ ส่งผ่านมาตรการให้แบงก์พาณิชย์ดูแลลูกหนี้ดี “ลดดอกเบี้ย-รีไฟแนนซ์” พร้อมเดินหน้าแก้หนี้เฟส 2 เคลียร์หนี้เสียกลุ่มน็อนแบงก์

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า รัฐบาลยังเดินหน้าผลักดันแก้ปัญหาหนี้ต่อเนื่อง โดยในวันที่ 30 เม.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะมีการประกาศมาตรการแก้หนี้อีกครั้ง ซึ่งรัฐบาลมีเป้าหมายที่ต้องการจัดการปัญหาหนี้กลุ่มที่เป็นหนี้เสียไม่เกิน 100,000 บาท ที่มีอยู่กว่า 3 ล้านราย เพื่อให้กลุ่มดังกล่าวกลับมามีเครดิตสามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้อีกครั้ง

อย่างไรก็ดี ลูกหนี้กลุ่มดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้ของผู้ให้บริการสินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (น็อนแบงก์) ทำให้การแก้ไม่ง่าย เนื่องจากยังต้องหาแหล่งเงินมาดำเนินการ เพราะไม่สามารถใช้เงินที่กันมาจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ที่มีราว 3.8 หมื่นล้านบาท/ปีได้ เนื่องจากแบงก์ไม่ยินยอม เพราะเป็นเงินนำส่งของแบงก์พาณิชย์

“ตอนนี้ รมว.คลังได้ให้ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ ไปพิจารณาดูว่าจะใช้แหล่งเงินจากไหน หากจะต้องออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ทางคลังก็ยินดี”

แก้หนี้อืด “ไม่เข้าเป้า”

แหล่งข่าวกล่าวว่า เริ่มแรกโครงการคุณสู้ เราช่วย มีเป้าหมายให้ลูกหนี้เข้าโครงการจำนวน 1.9 ล้านราย ยอดหนี้ 8.9 แสนล้านบาท โดยล่าสุด ธปท.ได้ประกาศขยายเวลา ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ออกไปอีกครั้ง จนถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2568 จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 30 เม.ย. 2568

เนื่องจากลูกหนี้ที่เข้าร่วมมาตรการยังน้อย โดยนับตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค. 2567 เปิดโครงการ ถึงวันที่ 24 เม.ย. 2568 มีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมทั้งสิ้น 1.6 ล้านบัญชี (ลูกหนี้ 1.3 ล้านราย) โดยลูกหนี้ที่ผ่านคุณสมบัติการพิจารณาของสถาบันการเงิน ณ 15 เม.ย. 2568 จำนวน 5.3 แสนราย (คิดเป็น 27% ของลูกหนี้ที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 1.9 ล้านราย) เป็นยอดหนี้ 3.85 แสนล้านบาท (คิดเป็น 43% ของยอดหนี้ที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 8.9 แสนล้านบาท)

ADVERTISMENT

อย่างไรก็ดี ลูกหนี้ที่ลงทะเบียนและผ่านคุณสมบัติแล้ว ต้องทำตามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้และรับเงื่อนไขตามโครงการ

ขณะที่รายงานจากบริษัท ข้อมูลเครดิตบูโรแห่งชาติ จำกัด (NCB) ระบุว่า ตัวเลขลูกหนี้ที่ดำเนินการแก้หนี้แล้วจนเสร็จสมบูรณ์เซ็นสัญญากับเจ้าหนี้ และส่งเข้าระบบเครดิตบูโรสะสมจนสิ้นเดือนมีนาคม 2568 มีจำนวนบัญชีที่เข้ามาตรการ 4.12 แสนบัญชี (2.7 แสนรายลูกหนี้) วงเงินรวมกว่า 3 แสนล้านบาท

ADVERTISMENT

รื้อเกณฑ์ “คุณสู้ เราช่วย”

“คุณสู้ เราช่วย ขยายเวลาไปอีก 2 เดือน แต่จะมีปรับเกณฑ์การเข้าร่วมตามมาด้วย เพื่อให้ลูกหนี้สามารถเข้ามาร่วมได้มากขึ้น ซึ่งเราคาดหวังว่าจะมีลูกหนี้เข้ามาอีก 1.5-2 ล้านราย เพราะเงื่อนไขใหม่จะเปิดมากขึ้น โดยให้ผู้ที่เป็นหนี้เสียเกิน 1 ปี เข้าร่วมได้ด้วย

ขณะเดียวกันคนที่เริ่มผิดนัดชำระตั้งแต่ 1 วันขึ้นไปก็สามารถเข้าร่วมได้ ไม่ต้องถึง 30 วัน (เกณฑ์เดิม ค้างชำระเกิน 30 วัน หนี้เสียไม่เกิน 1 ปี) ซึ่งเป็นการปรับเกณฑ์เฟส 1 ส่วนลูกหนี้น็อนแบงก์ที่เป็นเป้าหมายที่เราจะแก้ไขในเฟส 2 ต่อไป” แหล่งข่าวกล่าว

อย่างไรก็ดี กรณีเปิดโอกาสให้คนที่เริ่มผิดนัดชำระตั้งแต่ 1 วันขึ้นไปสามารถเข้าร่วมโครงการได้ เรื่องนี้ยังมีประเด็นความกังวลเรื่อง Moral Hazard แต่นั่นก็หมายความว่าลูกหนี้กลุ่มนี้ จะต้องยอมรับเงื่อนไขการปรับโครงสร้างหนี้ที่จะไม่ได้สิทธิกู้เพิ่ม

ลูกหนี้ดี “ลด ดบ./รีไฟแนนซ์”

แหล่งข่าวกระทรวงการคลังกล่าวเพิ่มเติมว่า การปรับมาตรการแก้หนี้จะมีการพิจารณาช่วยเหลือกลุ่มลูกหนี้ดีด้วย เพื่อส่งเสริมไม่ให้กลุ่มนี้เสียกำลังใจ โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ได้เสนอแนวทางให้ทาง ธปท.รับไปพิจารณา เช่น อาจจะลดดอกเบี้ยให้ หรือมีเงินซอฟต์โลนให้ไปรีไฟแนนซ์หนี้เดิม เป็นต้น อย่างไรก็ดี ในส่วนนี้ก็ต้องเป็นการผลักดันผ่านธนาคารพาณิชย์ในการที่จะเข้าไปช่วยดูแลกลุ่มลูกหนี้ดี

ทั้งนี้ สำหรับลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการต้องรับเงื่อนไข ดังนี้ 1.กู้เพิ่มไม่ได้ ลูกหนี้ต้องไม่ทำสัญญาสินเชื่อเพิ่มใน 12 เดือนหลังเข้าร่วมมาตรการ ยกเว้นกรณีสินเชื่อธุรกิจ SMEs ที่จำเป็นต้องกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่อง เจ้าหนี้สามารถให้สินเชื่อเพิ่มเติมได้ 2.จะถูกรายงานข้อมูลใน NCB ว่าเข้าร่วมมาตรการ 3.หากไม่สามารถชำระค่างวดขั้นต่ำได้ตามที่กำหนด หรือไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขอื่น ๆ ได้ เช่นก่อหนี้ใหม่ก่อนระยะเวลา 12 เดือน จะต้องออกจากมาตรการและชำระดอกเบี้ยที่ได้รับการพักไว้ และ 4.หากเป็นสัญญาสินเชื่อมีผู้ค้ำประกัน ผู้ค้ำประกันต้องให้ความยินยอมและลงนามในสัญญาค้ำประกันใหม่

สำหรับประโยชน์หรือความช่วยเหลือของลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการคุณสู้ เราช่วย คือ 1.ลดค่างวด เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยลูกหนี้ชำระค่างวดขั้นต่ำที่ 50% 70% และ 90% ของค่างวดเดิม ในปีที่ 1 ปีที่ 2 และปีที่ 3 ตามลำดับ (ขั้นบันได) ซึ่งค่างวดทั้งหมดจะนำไปตัดเงินต้น

2.พักดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยดอกเบี้ยที่พักไว้จะได้รับยกเว้นทั้งหมด หากลูกหนี้ปฏิบัติได้ตามเงื่อนไขตลอดช่วงระยะเวลา 3 ปีของมาตรการ ซึ่งการเข้าร่วมโครงการจะทำให้ลูกหนี้สามารถชำระมากกว่าค่างวดขั้นต่ำที่กำหนด โดยตัดเงินต้นเพิ่มและปิดจบหนี้ได้ไวขึ้น

ลูกหนี้ SME D Bank แห่ร่วม

นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank กล่าวว่า ธนาคารได้เปิดให้ลูกหนี้ที่เข้าเกณฑ์โครงการคุณสู้ เราช่วย จำนวนกว่า 17,200 ราย มูลหนี้ประมาณ 16,800 ล้านบาท ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ผ่านเว็บไซต์ของธนาคาร รวมถึงทำงานเชิงรุกด้วยการส่งจดหมายแนะนำโครงการ ควบคู่กับให้พนักงานธนาคารติดต่อลูกหนี้ทุกรายที่มีสิทธิ เพื่อให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดถึงประโยชน์ของการเข้าร่วมโครงการ อีกทั้งเปิด Call Center สายพิเศษรองรับให้บริการในโครงการนี้โดยเฉพาะผ่านเลขหมาย 1357 กด 99

ทั้งนี้ นับตั้งแต่เปิดลงทะเบียนจนถึงวันที่ 23 เม.ย. 2568 ที่ผ่านมา มีลูกหนี้ลงทะเบียนเข้าโครงการแล้วกว่า 7,200 ราย หรือคิดเป็นกว่า 40% ของลูกหนี้ทั้งหมดของธนาคารที่มีสิทธิ ผ่านเกณฑ์โครงการกว่า 4,650 ราย โดยเป็นกลุ่มธุรกิจการค้า ประมาณ 38% ภาคบริการ 34% และภาคการผลิต 28% โดยเป็นกลุ่มธุรกิจที่ผ่านมาตรการ ็จ่ายตรง คงทรัพย์ิ และทำสัญญาแล้วกว่า 2,900 ราย มูลหนี้กว่า 3,800 ล้านบาท

สำหรับกลุ่มที่ลงทะเบียนแบ่งเป็นกลุ่ม Lower SE (รายได้เกิน 1.8-15 ล้านบาทต่อปี) จำนวน 58% กลุ่ม Micro (รายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี) จำนวน 24% กลุ่ม Upper SE (รายได้เกิน 15-100 ล้านบาทต่อปี) จำนวน 16% และกลุ่ม ME (รายได้เกิน 100 ล้านบาทต่อปี) จำนวน 2% เมื่อรวมกลุ่มผู้ประกอบการที่เป็นรายเล็กกับรายย่อย (Lower SE, Micro) จำนวนรวมถึงกว่า 82% สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ประกอบการรายเล็กของไทยมีศักยภาพเปราะบาง ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด