“ทิพยประกันภัย” โกยกำไรปี’62 กว่า 1,863 ล้านบาท เดินหน้าเจาะลูกค้ารายย่อย-บุกตลาดต่างประเทศ

“ทิพยประกันภัย” โชว์กำไรปี 62 กว่า 1,863 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 21% และมีกำไรสุทธิต่อหุ้น 3.11 บาท ขณะที่เบี้ยประกันรับรวมพุ่งเฉียด 2.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.45% เบี้ยประกันอัคคีภัย 1,792.51 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยทางทะเลและขนส่ง 422.61 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยรถยนต์ 4,138.90 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ด 15,492.23 ล้านบาท ลุนเดินหน้าเจาะลูกค้ารายย่อย บุกรับประกันตลาดต่างประเทศ

ดร.สมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทิพยประกันภัย หรือ TIP เปิดเผยว่า ในปี 2562 ที่ผ่านมาบริษัทมีกำไรสุทธิรวม 1,863.19 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 3.11 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,531.16 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 2.55 บาท หรือมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 332.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 21.68%

โดยบริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้น 21,846.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.45% จากปีก่อนที่อยู่ 20,521.83 ล้านบาท ประกอบด้วย เบี้ยประกันอัคคีภัย 1,792.51 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยทางทะเลและขนส่ง 422.61 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยรถยนต์ 4,138.90 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ด 15,492.23 ล้านบาท

สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานของบริษัทขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น เนื่องจากในช่วงปีที่ผ่านมาบริษัทได้ปรับนโยบายและเน้นกลยุทธ์ในเชิงรุกเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าทุกกลุ่ม โดยเฉพาะลูกค้ารายย่อยที่มีรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวัน หรือไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและคำนึงถึงความสะดวกรวดเร็วเป็นหลัก ดังนั้นบริษัทจึงเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการด้วยการนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น

“ตลอดระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้วางรากฐาน ด้วยการลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อรองรับนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพของการให้บริการในทุกช่องทาง ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้าและนโยบายหลักที่จะก้าวเป็นผู้นำด้าน Digital Insurance ” ดร.สมพร กล่าว

ล่าสุด ทิพยประกันภัย ได้ร่วมกับบริษัท เวลธิเทคฟิน จำกัด ผู้พัฒนาแอปพลิเคชันผลิตภัณฑ์ทางการเงินบนมือถือ “WEALTHI” หรือเวลธ์ติ พัฒนาผลิตภัณฑ์ไมโครอินชัวร์รันส์ ขายกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุ (PA) ราคาประหยัดเพียงปีละ 100 บาท คุ้มครองทุนประกัน 1 แสนบาท รวมถึงการขายพรบ.รถยนต์ ผ่านแอปพลิเคชัน เพื่อช่วยกลุ่มผู้มีรายได้น้อยได้มีโอกาสเข้าถึงการประกันภัย พร้อมขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นด้วย

ขณะเดียวกัน บริษัทฯได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์และความต้องการมากขึ้นด้วย อาทิ การออกผลิตภัณฑ์กรมธรรม์ประกันภัยโรคร้ายแรงจาก PM 2.5 ที่ให้ความคุ้มครองโรคร้ายที่อาจเกิดจาก PM 2.5 หรือจากสาเหตุอื่นๆพร้อมชดเชยง่ายๆแบบ เจอปุ๊บจ่ายปั๊บ และกรมธรรม์ประกันภัยไวรัสโควิด-19 ด้วยเบี้ยประกันภัยในอัตราพิเศษ ซึ่งจะสามารถคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล เงินชดเชยกรณีเจ็บป่วยในระยะสุดท้าย รวมถึงชดเชยให้แก่ทายาทในกรณีที่เสียชีวิต เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและสร้างความอุ่นใจให้แก่ลูกค้า

สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2563 นั้น ดร.สมพร กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายการขยายตัวไว้สูงกว่าภาพรวมของธุรกิจประกันวินาศภัยที่ส่วนใหญ่ประกาศอัตราการเติบโตไว้ใกล้เคียงกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) หรือทั้งอุตสาหกรรมน่าจะขยายตัวประมาณ 2-3% โดยบริษัทยังคงเน้นกลยุทธ์เชิงรุกตามแผนที่ได้วางไว้เมื่อปลายปีที่ผ่านมา รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทจะเดินหน้าขยายธุรกิจในต่างประเทศ ด้วยการมองหารูปแบบการลงทุนแนวใหม่ โดยจะพิจารณาแผนการรับประกันภัยต่อจากต่างประเทศเข้ามา หลังจากปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก A.M.best สถาบันจัด เรตติ้งของสหรัฐฯ ในระดับ A-(Excellent) ทำให้ความน่าเชื่อถือ ทางด้านศักยภาพในการรับประกันภัย (Capacity) เพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นบริษัทประกันวินาศภัยที่มีการประกันภัยต่อ แบบสัญญา (Treaty Reinsurance) รายใหญ่ที่สุดในไทย


“ทิพยประกันภัย ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวเป็นผู้นำธุรกิจประกันวินาศภัย โดยยึดหลักธรรมาภิบาล สร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า ให้ได้รับการชดเชยสินไหมที่รวดเร็วและเป็นธรรม รวมถึงการจัด ทีมจิตอาสา ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนทั่วไปที่ได้รับความเดือดร้อน เช่น การส่งทีม TIP Smart Assist และหน่วยหนุมานทิพยจิตอาสา ลงพื้นที่ช่วยเหลือเหตุการณ์คนร้ายกราดยิง ที่ จ.นครราชสีมา และเหตุเพลิงไหม้ ที่ชุมชนคลองขวาง ย่านพระราม 3 เป็นต้น ตามสโลแกนของบริษัทฯที่ว่า “ทิพยประกันภัย ห่วงใยทุกชีวิตในสังคม” ดร.สมพร กล่าว