นายกสมาคม บลจ.ยืนยัน TMBAM ประกาศยกเลิก 2 กองทุนรวมตราสารหนี้ไม่กระทบภาพรวมอุตสาหกรรม

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า จากกรณีที่ บริษัทจัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย (TMBAM) ประกาศยกเลิกธุรกรรมที่เกิดขึ้นทั้งหมดสำหรับรายการที่มีผลในวันที่ 25 มี.ค.63 และยกเลิกโครงการกองทุนเปิดทหารไทย ธนเพิ่มพูน และกองทุนเปิดทหารไทย ธนไพบูลย์ นั้น นายวศิน วณิชย์วรนันต์ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) ชี้แจงแก่สื่อมวลชน ดังนี้
 
จากสถานการณ์ความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลก รวมถึงตลาดตราสารหนี้ ได้ส่งผลกระทบต่อมูลค่าหน่วยลงทุน ทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนเกิดอาการตื่นตระหนกและไถ่ถอนหน่วยลงทุนเป็นจำนวนมากในวันที่ 20 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง หากแต่เกิดขึ้นเฉพาะกับ 2 กองทุนรวมตราสารหนี้ของ บลจ. แห่งหนึ่ง
ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สมาคมธนาคารไทย และสมาคมหลักทรัพย์จัดการลงทุน ได้ร่วมกันออกมาแถลงข่าวเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา เพื่อหยุดยั้งความตื่นตระหนกของผู้ถือหน่วยลงทุน ทำให้สถานการณ์โดยรวมของอุตสาหกรรม ณ ปัจจุบัน ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงตลาดตราสารหนี้มีเสถียรภาพมากขึ้น
เนื่องจากสถานการณ์ของกองทุนรวมตราสารหนี้ตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น ได้ถูกไถ่ถอนจนถึงระดับที่ไม่สามารถสร้างสมดุลได้ระหว่างความเสี่ยงและสภาพคล่อง เพื่อรองรับการไถ่ถอนเป็นจำนวนมาก ทาง บลจ. แห่งนั้นจึงจำเป็นต้องประกาศขอยกเลิกโครงการกองทุนทั้ง 2 กองทุนดังกล่าว เพื่อผลประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุน
ทางสมาคมฯ ขอเรียนว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุเฉพาะที่เกิดกับ 2 กองทุนดังกล่าวเท่านั้น อีกทั้งผลกระทบของการประกาศขอยกเลิกโครงการกองทุนทั้ง 2 กองทุนดังกล่าว จะไม่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอย่างมีนัยสำคัญ ดังนี้
-มาตรการที่กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ออกแถลงข่าวเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา ได้ช่วยสร้างเสถียรภาพตลาดตราสารหนี้ดีขึ้นสะท้อนถึงมูลค่าหน่วยลงทุน และมีการไถ่ถอนหน่วยลงทุนน้อยลง
-ธนาคารแห่งประเทศไทย และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้มีมาตรการเพิ่มเติมในวันที่ 24 มีนาคม 2563 ผ่อนผันให้ กองทุนรวมตราสารหนี้ สามารถสร้างสภาพคล่องเพิ่มเติมจากเดิมที่ 10% เป็น 30% (Repurchase Agreement – REPO) ในอัตราดอกเบี้ยที่ผ่อนปรน
-การประกาศขอยกเลิกโครงการกองทุนของ 2 กองทุนดังกล่าว อันเกิดการไถ่ถอนอย่างต่อเนื่อง จะช่วยลดแรงกดดันต่อตลาดตราสารหนี้ได้ นอกจากนี้ สัดส่วนของขนาดกองทุนรวมของ 2 กองทุนดังกล่าว ณ ปัจจุบัน มีขนาดลดลงไปมากเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมโดยรวม จึงส่งผลกระทบน้อยลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่ผ่านมา
ทางสมาคมฯ ยังคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องว่าจะมีปัจจัยอื่นเข้ามากระทบอีกหรือไม่ โดยเชื่อมั่นว่ามาตรการอัดฉีดสภาพคล่องของธนาคารแห่งประเทศไทยครอบคลุมและเพียงพอ ขณะที่ผู้จัดการกองทุนในหลายบลจ.ต่างยืนยันว่า สามารถบริหารจัดการสภาพคล่องได้ดีขึ้น ซึ่งจะใช้เครื่องมือตามมาตรการเมื่อมีความจำเป็นเท่านั้น