โบรกชี้แรงซื้อ SSF ไม่เกิน 2.6 หมื่นล้าน พยุงหุ้นได้แค่ระยะสั้น

“บล.เอเซียพลัส”ชี้แรงซื้อกองทุน SSF กองพิเศษ ช่วง 1 เม.ย.-30 มิ.ย.63 เม็ดเงินลงทุน ไม่เกิน 2.6 หมื่นล้านบาท ชดเชย LTF ได้บางส่วน พยุงหุ้นแค่ระยะสั้น เผยทุกๆ 1 หมื่นล้านบาท จะช่วยพยุง SET Index ประมาณ 2% ดังนั้น มองระยะกลาง-ยาว ขึ้นอยู่กับพัฒนาการแวดล้อมทางพื้นฐาน โดยเฉพาะการควบคุม COVID-19

ผู้สื่อข่าวประชาชาติธุรกิจรายงานว่า บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับกองทุน LTF หมดลงสิ้นปี 2562 ผนวกกับการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในประเทศจนทำให้ SET Index ปรับฐานแรงกว่า 31% ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน(YTD) สำหรับกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF : Super Savings Fund) เงื่อนไขพิเศษ ที่ให้ลงทุนในหุ้นไทยได้ไม่น้อยกว่า 65% ซึ่งจะเริ่มเสนอขายในวันพรุ่งนี้ (1 เม.ย.63) จนถึง 30 มิ.ย.63 มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยพยุง SET Index ให้ผ่านพ้นวิกฤตดังกล่าวได้ รวมถึงส่งเสริมให้ประชาชนมีการออมระยะยาวมากขึ้น และมุ่งเน้นให้กลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางถึงน้อยและผู้ที่เริ่มต้นวัยทำงานได้รับประโยชน์มากขึ้น

จากรายละเอียดดังกล่าว จะเห็นได้ว่า SSF เงื่อนไขพิเศษนี้คล้ายคลึงกับกองทุน LTF พอสมควร ซึ่งแรงซื้อจากกองทุน LTF ตกปีละประมาณ 6.5 หมื่นล้านบาท (เฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี) และสามารถซื้อภายในวงเงิน 5 แสนบาทต่อคน ซึ่ง SSF เงื่อนไขพิเศษนี้ สามารถซื้อภายในวงเงินเพียง 2 แสนบาทต่อคน โดยรวมทำให้ ฝ่ายวิจัยคาดว่าจะมีแรงซื้อจากกองทุน SSF เงื่อนไขพิเศษไม่เกิน 2.6 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมีระยะเวลาการซื้อเพียง 3 เดือนเท่านั้น บวกกับสภาวะเศรษฐกิจที่มีโอกาสชะลอตัวในปัจจุบัน

โดยสรุปฝ่ายวิจัยประเมินว่าแรงขับเคลื่อนตลาดจากเม็ดเงิน LTF ที่หายไป อาจได้แรงชดเชยมาจาก SSF เงื่อนไขพิเศษเพียงบางส่วน ซึ่งสมมุติฐานของฝ่ายวิจัยทุกๆ 1 หมื่นล้านบาท จะช่วยพยุง SET Index ประมาณ 2% ดังนั้น คาดทำให้ SET Index ตอบสนองเชิงบวกได้ในระยะสั้น ส่วนในระยะกลาง-ยาว ขึ้นอยู่กับพัฒนาการของปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐาน เฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการควบคุม COVID-19