
ธนาคารพาณิชย์พาเหรดปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR, MOR และ MOR ลง 0.40% ตามนโยบายแบงก์ชาติ หวังลดภาระลูกค้าทุกกลุ่ม มีผลตั้งแต่ 10 เม.ย.นี้เป็นต้นไป ล่าสุด มี 5 ธนาคารที่ประกาศแล้ว
วันที่ 9 เมษยน 2563 นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยพร้อมสนับสนุนกลไกภาครัฐเพื่อช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มของธนาคาร ตามนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทแบบมีระยะเวลา (Minimum Loan Rate) หรือ MLR , อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (Minimum Overdraft Rate) หรือ MOR และ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (Minimum Retail Rate) หรือ MRR ทันทีอีก 0.40% หลังจากที่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไปแล้ว เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2563 ทำให้อัตราดอกเบี้ย MLR ปรับลดมาอยู่ที่ระดับ 5.60% MOR และ MRR ปรับลดมาอยู่ที่ระดับ 6.22% และ 6.10% ตามลำดับ
ทั้งนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ ธนาคารปรับลดเฉพาะอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงเท่านั้น ยังไม่ได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงแต่อย่างใด โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2563 เป็นต้นไป
“การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ จะเป็นอีกหนึ่งมาตรการเพิ่มเติมจากมาตรการอื่น ๆ ที่ธนาคารได้มีการประกาศใช้เพื่อให้ความช่วยเหลือและลดภาระดอกเบี้ยให้กับลูกค้าของธนาคารอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา เพื่อเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของธนาคารในการช่วยดูแล และประคับประคองลูกค้าของธนาคารให้ผ่านพ้นสถานการณ์วิกฤตไปได้” นายปรีดีกล่าว
นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ธนาคารได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภทเพิ่มเติม 0.40% โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR ปรับลดจาก 5.775% เป็น 5.375% อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MOR ปรับลดลงจาก 6.495% เป็น 6.095% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR ปรับลดลงจาก 6.745% เป็น 6.345% ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ใหม่นี้ จะมีผลตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2563 เป็นต้นไป
“จากสถานการณ์ไวรัส COVID-19 ที่ยังคงแพร่ระบาดอย่างรุนแรงและยังไม่สามารถคาดการณ์ระยะเวลาสิ้นสุดได้ ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัวแรงจากภาวะชะงักงันในภาคธุรกิจ และเพื่อตอบสนองนโยบายของ ธปท. ที่ได้ประกาศมาตรการปรับลดอัตรานำส่งเงินสมทบกองทุนฟื้นฟูฯ (FIDF) ของธนาคารพาณิชย์ ธนาคารจึงขอประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภทเพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบภาระต้นทุนดอกเบี้ยของลูกค้าธนาคารโดยเร่งด่วน ทั้งนี้ ธนาคารหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ภาระดอกเบี้ยที่ลดลงดังกล่าวจะมีส่วนช่วยให้ลูกค้าธุรกิจและลูกค้าสินเชื่อรายย่อยมีต้นทุนทางการเงินที่ลดลง และช่วยให้ลูกค้าสามารถฟันฝ่าวิกฤตนี้ไปได้ในที่สุด” นายอาทิตย์กล่าว
นายสุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า ธนาคารประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อ 3 ประเภท ลง 0.40% โดย MLR ลดจาก 5.875% เหลือ 5.475% , MOR จาก 6.50% เหลือ 6.10% และ MRR จาก 6.50% เหลือ 6.10% มีผลตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2563
โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ เป็นการให้ความช่วยเหลือลูกค้าผู้ประกอบการและประชาชนในการลดต้นทุนด้านอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของต้นทุนการดำเนินธุรกิจและลดภาระของประชาชน เพื่อเสริมศักยภาพในการรับมือกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19
“ธนาคารมีความมุ่งมั่นที่จะประคับประคองให้ลูกค้าผู้ประกอบการและประชาชนสามารถผ่านช่วงวิกฤตินี้ไปได้ อีกทั้งยังเป็นการช่วยกระตุ้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยภาพรวมในช่วงที่มีความเปราะบางทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ โดยที่ผ่านมาธนาคารกรุงเทพได้ให้การดูแลและให้ความช่วยเหลือลูกค้าผู้ประกอบการให้มีเงินทุนและสภาพคล่องเพียงพอในการดำเนินธุรกิจและรักษาการจ้างงาน และช่วยเหลือประชาชนในการลดภาระทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนมาตรการของภาครัฐบาลและ ธปท.” นายสุวรรณกล่าว
ขณะที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท เพื่อช่วยบรรเทาภาระต้นทุนดอกเบี้ยของลูกค้า หลังจากที่ได้เคยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไปแล้วเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2563 โดยตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2563 เป็นต้นไป จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR, MOR และ MRR เพิ่มเติม 0.40% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยใหม่ เป็นดังนี้
-อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (Minimum Loan Rate หรือ MLR) ปรับลดลงจาก 6.23% เป็น 5.83%
-อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (Minimum Overdraft Rate หรือ MOR) ปรับลดลงจาก 6.70% เป็น 6.30%
-อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (Minimum Retail Rate หรือ MRR) ปรับลดลงจาก 6.70% เป็น 6.30%
นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า กรุงศรีพร้อมช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มของธนาคารที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และพร้อมสนับสนุนนโยบายภาครัฐ โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่งมาตรการเพิ่มเติมจากมาตรการช่วยเหลืออื่น ๆ ที่ธนาคารได้ออกมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนถึงความห่วงใยและมุ่งมั่นช่วยเหลือลูกค้าเพื่อให้ทุกฝ่ายร่วมกันเดินหน้าและผ่านพ้นสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบี หรือ ธนาคารทหารไทย เปิดเผยว่า เนื่องด้วยสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด -19 ที่ยังคงส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเกิดการชะลอตัว ดังนั้น เพื่อแบ่งเบาภาระต้นทุนทางการเงินของลูกค้า ทั้งกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีและลูกค้าสินเชื่อรายย่อย และตอบสนองนโยบายของภาครัฐในการกระตุ้นสภาพคล่องทางเศรษฐกิจ ทีเอ็มบีและธนชาต ขอประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR (Minimum Lending Rate), MOR (Minimum Overdraft Rate) และ MRR (Minimum Retail Rate) ลง 0.40% โดย MLR จาก 6.65% เหลือ 6.25% MOR จาก 6.675% เหลือ 6.275% และ MRR จาก 7.03 เหลือ 6.63% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2563 เป็นต้นไป
พร้อมกันนี้ ธนาคารยังได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าผู้ประกอบการ SME เพิ่มเติม ดังนี้
o ลูกค้า SME ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 100 ล้านบาท สามารถพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือน ตั้งแต่ เม.ย. 63 – ก.ย. 63 เพื่อช่วยให้มีสภาพคล่องทางธุรกิจ
o สำหรับลูกค้าธุรกิจที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 500 ล้านบาท ทางธนาคารสนับสนุนสินเชื่อใหม่ (soft loan) วงเงินกู้ไม่เกิน 20% ของยอดหนี้คงค้าง ณ 31 ธ.ค. 62 ด้วยอัตราดอกเบี้ย 2% เป็นเวลา 24 เดือน
สำหรับรายละเอียด ธนาคารจะแจ้งให้ทราบต่อไป
ทั้งนี้ ธนาคารทีเอ็มบี และธนาคารธนชาต ได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มมาอย่างต่อเนื่องทั้งลูกค้ารายย่อย ลูกค้าธุรกิจ ลูกค้าสินเชื่อบุคคล สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ ซึ่งลูกค้าสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของธนาคาร ซึ่งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมที่ออกมาในครั้งนี้ ธนาคารหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับลูกค้าธนาคารให้มีสภาพคล่องในการใช้ชีวิตและดำเนินธุรกิจต่อไปได้ภายใต้สถานการณ์โควิด -19
ฟากนายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ในฐานะธนาคารพาณิชย์ของรัฐ ธนาคารตระหนักถึงการมีส่วนร่วมในการพยุงเศรษฐกิจ และพร้อมสนับสนุนกลไกของภาครัฐ ในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างรุนแรงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระและลดต้นทุนทางการเงินของลูกค้าสินเชื่อทั้งภาคธุรกิจและลูกค้ารายย่อย ตลอดจนประชาชน ธนาคารจึงปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภทลงอย่างละ 0.40% ต่อปี โดย MLR เหลืออัตรา 5.375% ต่อปี MOR เหลืออัตรา 6.220 % ต่อปี และ MRR เหลืออัตรา 6.345% ต่อปี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2563 เป็นต้นไป
“การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งมาตรการเพิ่มเติมจากมาตรการอื่น ๆ ที่ธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือและลดภาระให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เช่น การพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยนาน 6 เดือน การสนับสนุนสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยธนาคารมีเป้าหมายเพื่อให้ลูกค้าของธนาคารสามารถผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ รวมทั้งช่วยลดผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ”
นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เพื่อช่วยลูกค้ารายย่อยและผู้ประกอบการลดต้นทุนทางการเงินในช่วงที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ส่งผลกระทบลามมายังเศรษฐกิจและการใช้ชีวิตในช่วงนี้ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกตัวลง 0.40% โดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ลงจาก 6.75% เหลือ 6.35% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ลงจาก 7.25% เหลือ 6.85% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) จาก 7.75% ต่อปี เหลือ 7.35% ต่อปี ทั้งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2563 เป็นต้นไป