นายนริศ สถาผลเดชา หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี (TMB Analytics) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งได้มีการลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ ของบุคคลธรรมดาลง เหลือ 0.25-0.30% ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์คงที่อยู่ที่ 0.50% มาหลายปี นับตั้งแต่ปี 2557 และช่วงวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ที่ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์อยู่ที่ระดับ 0.50%
“การลดดอกเบี้ยเงินฝาก สะท้อนว่าแบงก์ไม่ได้ต้องการเงินฝาก เพราะตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นเดือน เม.ย. 2563 เงินฝากไหลเข้าระบบธนาคารพาณิชย์ถึงกว่า 8 แสนล้านบาท หรือโต 12% นับตั้งแต่ต้นปี ซึ่งส่วนใหญ่โตที่เงินฝากออมทรัพย์ ทำให้สภาพคล่องล้น แบงก์จึงตอบสนองโดยการลดดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ลง” นายนริศกล่าว
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ดร.วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อยู่เบื้องหลัง “บ้านกรมดิษฐ์” บ้านสวนลอยฟ้า
ทั้งนี้ ยอดเงินฝากบุคคลธรรมดาในระบบธนาคารพาณิชย์ ปัจจุบันมีอยู่ทั้งสิ้น 7.7 ล้านล้านบาท โดยประมาณ 61% หรือ 4.7 ล้านล้านบาท เป็นเงินฝากออมทรัพย์ ขณะที่อีก 38% หรอื 2.9 ล้านล้านบาท เป็นเงินฝากประจำ และ อีก 1% เป็นเงินฝากกระแสรายวัน
ส่วนจำนวนบัญชีเงินฝากบุคคลธรรมดามีทั้งสิ้น 95.8 ล้านบัญชี ส่วนใหญ่เป็นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ 86.1 ล้านบัญชี เป็นบัญชีเงินฝากประจำ 8.2 ล้านบัญชี และ บัญชีเงินฝากกระแสรายวัน 1.4 ล้านบัญชี
“ในจำนวนบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ทั้งหมด มีอยู่ 52% หรือ 4 ล้านล้านบาท เป็นเงินฝากออมทรัพย์ที่อยู่ใน 5 แบงก์ใหญ่ โดยรอบนี้ก็มีบางธนาคารลด 0.25% บางธนาคารก็ลด 0.125% แต่ส่วนใหญ่ 4 แบงก์ใหญ่จะเหลืออยู่ที่ 0.25% ซึ่งคิดเป็นรายจ่ายดอกเบี้ยที่ลดลงไป 12,500 ล้านบาทต่อปี” นายนริศกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่มีการลดดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ลง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ ลดจาก 0.37% เหลือ 0.25% ธนาคารกรุงไทย ลดจาก 0.50% เหลือ 0.25% ธนาคารกสิกรไทย ลดจาก 0.50% เหลือ 0.25% และ ธนาคารไทยพาณิชย์ลดจาก 0.50% เหลือ 0.25%