2 โบรกฯ เชียร์เก็บหุ้นแบงก์ ‘BBL’ ฮอตสุด ธุรกิจแห่ขอสินเชื่อ

2 โบรกฯ ปรับน้ำหนักลงทุนหุ้นธนาคาร หลังราคาหุ้นปรับฐานสะท้อนข่าวลบ “บล.หยวนต้า” เชียร์นักลงทุนแทงสวนตลาด สะสมหุ้นก่อนเศรษฐกิจฟื้น แบงก์ใหญ่ “BBL” ฮอตสุด พอร์ตรายใหญ่สูงถึง 40% ดอกเบี้ยขาลงทำธุรกิจแห่ขอสินเชื่อ

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า หุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์มีความน่าสนใจตรงที่ซื้อขายด้วยราคาที่ค่อนข้างถูก โดยพิจารณาจากราคาเทียบกับมูลค่าทางบัญชี (PBV) ที่ต่ำ และอัตราเงินปันผลสูงราว 4-10% นอกจากนี้ ประเมินว่าหากเข้าลงทุนในช่วงที่เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวแล้ว จะส่งผลให้ราคาหุ้นปรับขึ้นและไม่น่าสนใจลงทุน

ขณะที่หุ้นเด่นในกลุ่มแนะนำ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ราคาเป้าหมาย 150.00 บาท โดยมีปัจจัยบวกเฉพาะจากที่ ธปท.ขยายเวลาเพดานการถือหุ้นของ Thai NVDR ที่ 35% รวมถึงสินเชื่อภาคธุรกิจ (Corporate Loan) จะมีโอกาสเติบโตต่อจากนี้ เนื่องจากต้นทุนการออกหุ้นกู้ปรับตัวสูงขึ้นจากภาวะความเสี่ยงที่เกิดในตลาดตราสารหนี้ สวนทางกับดอกเบี้ยธนาคารที่ปรับลดลงตามดอกเบี้ยนโยบาย จึงคาดว่าภาคธุรกิจจะหันมาใช้สินเชื่อธนาคารมากขึ้น

ทั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพมีสัดส่วนสินเชื่อภาคธุรกิจสูงที่สุดเมื่อเทียบกับทุกธนาคารที่ 40% และมีอัตราส่วนการตั้งสำรองหนี้ (Coverage Ratio) สูงที่สุดในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่ 204%

แบงก์ใหญ่ถัดมาแนะนำ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ราคาเป้าหมาย 80.00 บาท เนื่องจาก SCB มีสัดส่วนสินเชื่อภาคธุรกิจประมาณ 20-30% ของพอร์ตสินเชื่อทั้งหมด และสุดท้ายแนะนำ ธนาคารทหารไทย (TMB) ราคาเป้าหมาย 1.14 บาท โดยเชื่อว่ากำไรสุทธิจะเติบโตเด่นที่สุดในกลุ่มจากการควบรวมกิจการกับธนาคารธนชาต ขณะที่ราคาหุ้นซื้อขายเมื่อเทียบกับมูลค่าทางบัญชี (PBV) ต่ำเพียง 0.5 เท่า

ด้านดอกเบี้ยนโยบายที่เป็นปัจจัยกดดันรายได้ของธนาคาร นายณัฐพล กล่าวว่า ดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับปัจจุบันคาดว่าจะเป็นจุดต่ำสุด เนื่องเงินเฟ้อต่อจากนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมถึงแผนการออกพันธบัตรออมทรัพย์ของรัฐบาล และความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดของไวรัสระลอก 2 ดังนั้น จึงประเมินว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะยังคงดอกเบี้ยนโยบายไว้เพื่อเป็นกระสุน

“อย่างกรณีของประเทศไทย เราเชื่อว่ายากมากที่แบงก์ชาติจะปล่อยให้เกิดอัตราดอกเบี้ยติดลบ โดยเฉพาะการสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจว่าการที่ดอกเบี้ยนโยบายติดลบไม่ได้หมายความว่าประชาชนต้องจ่ายเงินให้แบงก์ทุกๆ เดือน” นายณัฐพล กล่าว

ขณะที่บทวิเคราะห์ของ บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ฝ่ายวิจัยแนะนำซื้อ BBLโดยให้ราคาเหมาะสมที่ 154.00 บาท เนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวลงแรงกว่า 35% ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) ขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ SET (SET Index) ปรับตัวลงเพียง 14.8% YTD เท่านั้น จากสภาวะเศรษฐกิชะลอตัว รวมถึงการปรับลดอัตรดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. อย่างไรก็ตาม ด้วยมูลค่าหุ้น (Valuation) ที่น่าสนใจ รวมถึงเงินปันผลที่อยู่ในระดับสูง จึงทำให้กลุ่มธนาคารพาณิชย์กลับมาโดดเด่นอีกครั้งทั่วโลก

นอกจากนี้ ความคาดหวังต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ หลังภาครัฐผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์มากขึ้น รวมถึงแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าสู่อุตสาหกรรมจริง (Real Sector) ที่เป็นลูกค้าสินเชื่อของกลุ่มธนาคาร ทั้งภาคการท่องเที่ยว ตามด้วยกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่ยื่นข้อเสนอให้รัฐบาลลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์เพื่อกระตุ้นยอดผลิตรถยนต์ไทย ฯลฯ สร้างบรรยากาศเชิงบวกต่อเนื่องถึงหุ้นในกลุ่ม


ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยเลือก BBL เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม เนื่องจากพอร์ตสินเชื่อเป็นลูกค้ารายใหญ่ราว 40% สูงสุดในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นกลุ่มสินเชื่อที่มีความแข็งแกร่งกว่า SME และสินเชื่อบุคคลภายใต้สภาวะปัจจุบัน ขณะที่ราคาหุ้นผ่านการปรับฐานตอบรับประเด็นลบพอสมควรจน PBV ซื้อขายที่ 0.44 เท่า และให้ปันผลราว 4% ต่อปี