เล็งต่ออายุกองทุนลดหย่อนภาษี ‘SSFX’ เหตุแรงซื้อแผ่วเพียง 4 พันล้าน

กองทุนโอด 3 เดือน คนใช้สิทธิกองทุน SSFX เพียง 4,000 ล้านบาท เหตุเปิดขายกลางปีเศรษฐกิจแย่-เกณฑ์บังคับถือยาว 10 ปี ลุ้นก่อนหมดเขตซื้อลดหย่อนภาษี 30 มิ.ย.นี้ เงินไหลเข้าตามเป้า 10,000 ล้านบาท ฟากนายกสมาคมกองทุนเตรียมชงรัฐต่ออายุถึงสิ้นปี’63

แหล่งข่าวกองทุน เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กองทุนรวมเพื่อการออมพิเศษ (SSFX) ที่เริ่มขายตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.63 และจะหมดเขตซื้อลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ ผลตอบรับไม่ค่อยดีนัก โดย 3 เดือนที่ผ่านมามีผู้ลงทุนเข้าซื้อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีราว 4,000 ล้านบาทเท่านั้น

แม้ว่าผลตอบรับคงไม่สามารถเทียบกับกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ซึ่งเป็นกองทุนลดหย่อนภาษีในอดีตได้โดยตรง อย่างไรก็ตาม ในแง่สิทธิประโยชน์ที่หายไปกว่าครึ่งหนึ่ง จากเดิมสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีในวงเงินสูงสุดได้ถึง 500,000 บาท แต่กองทุน SSFX สามารถลดหย่อนภาษีสูงสุดได้เพียง 200,000 บาทเท่านั้น

นอกจากนี้ การจัดตั้งกองทุนในช่วงที่สภาวะเศรษฐกิจไม่ค่อยสู้ดีนัก รวมถึงเงื่อนไขกองทุนที่ระบุให้ต้องถือลงทุนยาวถึง 10 ปี ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้มีเม็ดเงินลงทุนเข้ามาในอุตสาหกรรมเพียง 4,000 ล้านบาทเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หวังว่าก่อนวันสุดท้ายที่สามารถใช้สิทธิซื้อกองทุนในวันที่ 30 มิ.ย.63 จะมียอดซื้อเข้ามาถึง 10,000 ล้านบาท ตามที่คาดการณ์กันเอาไว้

“ถ้าเทียบในอดีตปีๆ หนึ่งเม็ดเงินจากกองทุน LTF เข้ามาในอุตสาหกรรมประมาณ 2-3 หมื่นล้านบาท และส่วนใหญ่จะไปกระจุกซื้อกันช่วงปลายปี เพราะเป็นจังหวะที่หลายๆ คน หลายๆ บริษัทจะได้รับโบนัส พอ SSFX เปิดให้ซื้อกลางปี และเป็นช่วงที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดี เราจึงคาดหวังเม็ดเงินเข้ามาประมาณหมื่นล้านบาท” แหล่งข่าว กล่าว

ด้าน นายวศิน วณิชย์วรนันต์ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) และประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันมีเม็ดเงินไหลเข้ามายังกองทุน SSFX เกือบ 4,000 ล้านบาท และมีผู้ใช้สิทธิลงทุนราว 56,000 ราย โดย AIMC และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) มีแผนนำเสนอภาครัฐให้พิจารณาต่ออายุกองทุน SSFX ออกไปถึงสิ้นปี 2563

โดยชี้ว่ากองทุน SSFX มีประโยชน์ต่อประเทศไทย ดังนี้

1. สภาพคล่องตลาดหุ้น โดยชี้ว่าเม็ดเงินจากกองทุน SSFX จะช่วยหนุนสภาพคล่องให้แก่ตลาดหุ้นในระยะยาว เนื่องจากมีข้อกำหนดให้ถือครอง 10 ปี ซึ่งแตกต่างจากเม็ดเงินลงทุนทั่วไปที่เข้าเร็วออกเร็ว

2. ความมั่งคั่งชนชั้นกลาง โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ประเทศไทยประกาศล็อกดาวน์จากไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของคนชนชั้นกลาง ดังนั้น การเข้าไปช่วยสร้างฐานความมั่นคั่งให้แก่ชนชั้นกลางผ่านการลงทุนในกองทุน SSFX ถือเป็นเรื่องจำเป็นเช่นเดียวกันกับการส่งเสริมการออมเงินเพื่อการเกษียณอายุ

โดยเฉพาะผลตอบแทนตลาดหุ้นในช่วงที่มีการปรับฐานลงมาเช่นนี้ หากมองระยะยาว 7 ปี เชื่อว่ามีโอกาสที่ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนเฉลี่ยราว 5-7% ดังนั้น หากลงทุน 200,000 บาท ก็มีโอก่าได้กลับมาถึง 300,000 – 400,000 บาทได้ เมื่อรวมเงินที่ได้จากการทบต้นทบดอก ซึ่งจุดนี้จะเป็นอีกเครื่องมือที่สร้างความมั่งคั่งในอนาคตให้แก่ประชาชนได้

“หากภาครัฐรับพิจารณาก็ถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะ SSFX ไม่ได้แค่ตอบโจทย์เรื่องเกษียณอายุอย่างเดียว แต่ช่วยทั้งในแง่พยุงตลาดหุ้น ช่วยสร้างความมั่งคั่งให้คนทั่วๆ ไปในระยะยาว เราก็อยากให้ภาครัฐพิจารณาต่ออายุออกไป” นายวศิน กล่าว