คลังเลื่อนลงทะเบียนคนจนไปต้นปี’64 เร่งมาตรการ “คนละครึ่ง”

บัตรคนจน

คลังเลื่อนลงทะเบียน “บัตรคนจน” รอบใหม่ไปต้นปีหน้า เอฟเฟ็กต์ “ปรีดี” ทิ้งเก้าอี้ขุนคลัง-ศบศ.ดันมาตรการ “คนละครึ่ง” แจกเงิน 15 ล้านคน กระตุ้นจับจ่ายเร่งด่วน เผยปัจจุบันยอดคนถือบัตรสวัสดิการลดเหลือ 13.9 ล้านราย เหตุเสียชีวิตไปแล้วกว่า 6 แสนราย

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เดิมกระทรวงการคลังเตรียมจัดให้มีการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) รอบใหม่ ตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค.นี้ เพื่อคัดกรองผู้ที่สมควรได้รับสิทธิใหม่อีกรอบ โดยตั้งใจว่ารอบนี้จะมีเกณฑ์พิจารณารายได้เป็นรายครัวเรือน ประกอบด้วย สามี ภรรยา และบุตร รวมกันเฉลี่ยออกมาต้องไม่เกิน 1-1.2 แสนบาทต่อปี จากเดิมที่พิจารณาเป็นรายบุคคล โดยจะมีการให้สวัสดิการเพิ่มเติมในส่วนวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษา จากร้านธงฟ้าประชารัฐ อีกคนละ 200 บาทต่อเดือน เป็น 400-500 บาทต่อเดือน ทั้งนี้ ได้มีการเตรียมขอเสนอตั้งงบประมาณ จากงบฯกลางรายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นราว 570 ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 เพื่อใช้ในการดำเนินการดังกล่าว

“ที่ผ่านมามีการประชุมเตรียมพร้อมลงทะเบียนคนจนรอบใหม่ไว้แล้ว โดยจะเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย.นี้ ลงทะเบียนใหม่หมด ซึ่งคนที่เคยถือบัตรเดิมก็ต้องมาลงใหม่ แต่พอนายปรีดี ดาวฉาย รมว.คลัง ลาออก ก็เลยอาจจะต้องเลื่อนโครงการนี้ออกไปอีก และยังไม่รู้ว่าจะกลับมาดำเนินการได้เมื่อใด” แหล่งข่าวกล่าว

ขณะที่นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังได้เลื่อนเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ออกไปเป็นช่วงปลายปี 2563 หรืออาจจะต้นปี 2564 เนื่องจากขณะนี้กระทรวงการคลังได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) ให้ดำเนินโครงการ “คนละครึ่ง” ที่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจปลุกกำลังซื้อ ด้วยการที่รัฐบาลช่วยค่าใช้จ่าย 50% กลุ่มเป้าหมาย 15 ล้านคน ซึ่งจะต้องออกมาในเดือน ต.ค.นี้

“ต้องทำโครงการคนละครึ่งก่อน ซึ่งผู้ถือบัตรสวัสดิการก็จะได้รับประโยชน์จากมาตรการดังกล่าวด้วย และถึงจะยังไม่มีการเปิดลงทะเบียนรอบใหม่ แต่โครงการเดิมก็ยังสามารถเดินต่อไปได้ แต่ขยับการลงทะเบียนออกไปก่อน” นายลวรณกล่าว

นายลวรณกล่าวว่า การเปิดลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ จะพิจารณาเกณฑ์ในเรื่องรายได้ของครอบครัวเป็นหลัก เช่น หากพ่อรวยก็ถือว่าครอบครัวนี้รวย เป็นต้น ส่วนจะเพิ่มวงเงินให้หรือไม่นั้น จะต้องดูประกอบกับจำนวนผู้ที่เข้ามาลงทะเบียนแล้วเข้าข่ายได้รับสิทธิด้วย เนื่องจากเงินที่ได้รับมาจากงบประมาณในแต่ละปีมีความชัดเจนอยู่แล้ว หากมีคนเข้าข่ายรับสิทธิจำนวนมาก ก็อาจจะไม่ได้พิจารณาเพิ่มวงเงินให้ แต่หากมีผู้ได้รับสิทธิน้อยลง ก็อาจจะนำวงเงินที่เหลืออยู่ไปเพิ่มในสวัสดิการบางเรื่องได้

สำหรับในเดือน ก.ย.นี้ รัฐบาลยังสนับสนุนเงินให้สวัสดิการพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง ทั้งค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอุปโภคบริโภค เช่น ค่าน้ำประปา จำนวน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน, ค่าไฟฟ้าไม่เกิน 230 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 45 บาทต่อคน เป็นต้น

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีผู้ถือบัตรสวัสดิการเหลืออยู่ 13.9 ล้านราย จากเดิม 14.5 ล้านราย เนื่องจากมีผู้ถือบัตรสวัสดิการที่เสียชีวิตไปกว่า 6 แสนราย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2561-2563 รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณเพื่อช่วยเหลือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผ่านกลไกกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม เป็นเงินรวมแล้วกว่า 1.9 แสนล้านบาท ขณะที่ปีงบประมาณ 2563 รัฐบาลจัดสรรงบฯสนับสนุนกองทุนประชารัฐฯ 40,000 ล้านบาท ส่วนปีงบประมาณ 2564 จัดสรรงบฯให้กองทุนประชารัฐฯ 49,500.8 ล้านบาท