“ทริสเรทติ้ง” จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ “เจมาร์ท” 2.7 พันล้านบาท ที่ระดับ “BBB-“

รูปประกอบข่าวการลงทุน-หุ้น-หุ้นกู้

“ทริสเรทติ้ง” จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ “เจมาร์ท” 2.7 พันล้านบาท ที่ระดับ “BBB-” แนวโน้ม “Stable”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทริสเรทติ้ง ได้ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 2.7 พันล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “BBB-” ด้วย โดยอันดับเครดิตหุ้นกู้ที่ต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรสะท้อนในเชิงโครงสร้าง หรือการที่สิทธิเรียกร้องและ/หรือโอกาสในการได้รับการชำระคืนของภาระหนี้ของบริษัทต่ำกว่า เมื่อเทียบกับสิทธิเรียกร้องของบริษัทย่อยต่าง ๆ ของบริษัท ในการนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ไปใช้ชำระคืนหนี้เงินกู้เดิมและนำไปลงทุนในบริษัทย่อย

โดยอันดับเครดิตองค์กรยังคงสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของบริษัทซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากธุรกิจซื้อและบริหารหนี้ด้อยคุณภาพและผลการดำเนินงานที่เข้มแข็งของบริษัทลูกหลักรายสำคัญคือ บริษัท เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) รวมถึงสถานะที่ค่อนข้างแข็งแกร่งในธุรกิจจัดจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ของบริษัท

ขณะเดียวกันอันดับเครดิตยังพิจารณารวมไปถึงการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ ตลอดจนภาระหนี้ที่สูง และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลและธุรกิจให้เช่าพื้นที่ของบริษัทอีกด้วย

ทั้งนี้ บริษัทมีผลดำเนินงานในรอบระยะเวลา 9 เดือนแรกของปี 2563 ที่ยังคงแข็งแกร่งและเป็นไปตามที่ทริสเรทติ้งคาดไว้ถึงแม้ว่าจะมีธุรกิจบางส่วนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) อยู่บ้าง สำหรับในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 นั้น บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 868 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 55% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งนั้นได้รับอานิสงส์มาจากผลการดำเนินงานของบริษัทเจเอ็มที เน็ทเวอร์คฯ ที่ยังคงแข็งแกร่งเป็นหลัก โดยบริษัทลูกดังกล่าวมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 713 ล้านบาท

นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นของบริษัทร่วม คือ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ก็ยังช่วยผลักดันให้ผลการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ ส่วนแบ่งกำไรที่ได้รับจากบริษัทซิงเกอร์ฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 93 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 จาก 33 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562

สำหรับแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” มีพื้นฐานมาจากการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาระดับผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของธุรกิจจัดเก็บหนี้และการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพมาบริหารเอาไว้ได้ในขณะที่สถานะทางการตลาดในธุรกิจจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่จะยังคงแข็งแกร่งต่อไป ทริสเรทติ้งยังคาดด้วยว่าผลการดำเนินงานของบริษัทลูกรายอื่น ๆ เช่น บริษัท เจ ฟินเทค จำกัด และบริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) จะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตยังคงมีจำกัดในระยะเวลาอันใกล้เมื่อพิจารณาจากสถานะทางธุรกิจและการเงินของบริษัทในปัจจุบัน ในขณะที่ความกดดันทางด้านลบต่ออันดับเครดิตจะเกิดจากผลการดำเนินงานที่ถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญทั้งในส่วนของบริษัทเองหรือของบริษัทลูก หรือจากการลงทุนในเชิงรุกซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีภาระหนี้เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้จนระดับอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่สูงเกินกว่า 5 เท่าอย่างต่อเนื่อง