ธอส. โชว์ผลงานปี’63 ปล่อยสินเชื่อใหม่พุ่ง 2.25 แสนล้าน ตั้งเป้าปีนี้โต 3%

ฉัตรชัย ศิริไล
ฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)

ธอส. เผยผลการดำเนินงานปี’63 ปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 2.25 แสนล้านบาท สูงสุดในรอบ 67 ปี สูงกว่าเป้าหมายถึง 1.5 หมื่นล้านบาท ด้าน NPL อยู่ที่ 4.7 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิ 10,494 ล้านบาท หด 21.41% ชี้ปี’64 ลุยแนวคิดหลัก “Be Simple, Make it Simple” พร้อมตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่เพิ่ม 3%

วันที่ 29 มกราคม 2564 นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงาน ในปี 2563 เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นปี 2562 ว่า แม้ในปี 2563 จะเกิดปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งมีผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทย แต่ ธอส. ยังคงสามารถสร้างโอกาสให้คนไทยมีบ้านตามพันธกิจได้อย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากจำนวนเงินสินเชื่อปล่อยใหม่ที่ทำได้สูงสุดในรอบ 67 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งธนาคารที่ 225,151 ล้านบาท 140,386 บัญชี เพิ่มขึ้น 4.57% สูงกว่าเป้าหมายถึง 15,791 ล้านบาท

โดยแบ่งเป็นสินเชื่อปล่อยใหม่สำหรับผู้มีรายได้น้อยและปานกลางวงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท จำนวน 88,007 ราย ทำให้มียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1,320,308 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.18% มีสินทรัพย์รวม 1,399,138 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.41% เงินฝากรวม 1,162,687 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17%

ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 47,572 ล้านบาท คิดเป็น 3.60% ของยอดสินเชื่อรวม ลดลงจากปี 2562 ที่มี NPL อยู่ที่ 4.09% ซึ่งเป็นผลมาจากการจัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกค้าของธนาคารที่ได้รับกระทบจาก COVID-19 ตามนโยบายรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2563 ทำให้การเกิด NPL อยู่ในอัตราที่ลดต่ำลง

นอกจากนี้ ในปี 2563 ธอส. ช่วยเหลือลูกค้าผ่าน 10 มาตรการ มีจำนวนสูงสุด 687,489 บัญชี เงินต้นคงเหลือ 576,139 ล้านบาท ขณะเดียวกันธนาคารยังได้ทยอยตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่ม เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับผลกระทบจาก COVID-19 ในอนาคต และเพื่อรองรับมาตรฐาน TFRS 9 เป็นจำนวน 96,456 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.18% หรือคิดเป็นสัดส่วนต่อ NPL สูงถึง 202.76% สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของธนาคารและความพร้อมในการรองรับผลกระทบจาก COVID-19 ในอนาคต

อย่างไรก็ตามในปี 2563 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 10,494 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 2,858 ล้านบาท หรือ 21.41% เนื่องจากธนาคารลดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำลง เพื่อช่วยเหลือลูกค้า ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ยังอยู่ที่ระดับแข็งแกร่งมากที่ 15.30% (ณ พฤศจิกายน 2563) สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด

“ยอมรับว่าความสามารถในการทำกำไรไม่เป็นไปตามเป้า ลดลง 21.41% ซึ่งสาเหตุมาจากกรณีที่แบงก์นำผลกำไรบางส่วนไปสำรองกรณีลูกค้าที่เข้ามาตรการเผื่อหากมีปัญหาและกลายเป็น NPL ในอนาคต และแม้ ธปท.จะอนุญาตให้กันเป็นวงเงินในการรับรู้รายได้จากกรณีของลูกค้าที่เข้ามาตรการ แต่แบงก์ได้ป้องกันไว้ก่อน เผื่อในกรณีที่มีปัญหาก็จะกระทบงบกำไรขาดทุน เราจึงได้มีการกันสำรองไว้สูง” นายฉัตรชัยกล่าว

สำหรับปี 2564 ธอส. ยังคงเดินหน้าด้วยแนวคิดหลัก “Be Simple, Make it Simple” หรือการทำให้คนไทยเข้าถึงการมีบ้านได้ง่าย ๆ กับ ธอส. สอดคล้องกับพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” โดยเตรียมจำหน่ายสลากออมทรัพย์ ธอส. ชุดใหม่ นำมาจัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ ตั้งเป้าสินเชื่อปล่อยใหม่จำนวน 215,641 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากเป้าหมายในปี 2563 สินเชื่อคงค้างที่ 1,374,116 ล้านบาท

นอกจากนี้ ธอส. ตั้งเป้าลดจำนวนธุรกรรมที่เคาน์เตอร์ภายในสาขาให้เหลือ 5% ของจำนวนธุรกรรมทั้งหมด ส่วนจำนวนธุรกรรมผ่านเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ ตู้ชำระเงินกู้ LRM หรือ QR Non Cash Payment ที่หน้าสาขาเหลือ 15% และเพิ่มจำนวนธุรกรรมผ่าน Application : GHB ALL เป็น 80% ภายในปี 2565 ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการ GHB New Normal Services ในเฟสที่ 3 ซึ่งมีกำหนดให้บริการในเดือนมีนาคม 2564

รวมถึงเดินหน้าให้บริการสินเชื่อไร้ที่ทำการโดยลูกค้าไม่ต้องเดินทางมาที่สาขา ซึ่งเริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม 2564 มีเป้าหมายปล่อยสินเชื่อใหม่ผ่านโครงการจำนวน 10,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ธนาคารยังให้ความสำคัญกับการดูแลให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้จากปัญหาโควิด-19 อย่างใกล้ชิดผ่าน “โครงการ ธอส. รวมไทย สร้างชาติ ปี 2564” ด้วย 4 มาตรการ ลดเงินงวดผ่อนชำระ (เงินงวดที่ชำระจะตัดเงินต้นและตัดดอกเบี้ย) นานสูงสุด 6 เดือน โดยเริ่มเปิดให้ลูกค้าลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการระยะแรก ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2564

ล่าสุด ณ วันที่ 28 มกราคม 2564 เวลา 24:00 น. มีลูกค้าลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการแล้วรวมจำนวนกว่า 102,000 บัญชี เงินต้นคงเหลือ 95,000 ล้านบาท

สำหรับลูกค้าที่ไม่เคยเข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือฯ ของ ธอส. ธนาคารจะเปิดให้ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการที่ 11 ผ่าน Application : GHB ALL ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 9.00 น. ถึงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 22.00 น. เพื่อลดเงินงวดผ่อนชำระ(เงินงวดที่ชำระจะตัด เงินต้นและตัดดอกเบี้ย) เป็นระยะเวลา 6 เดือน(กุมภาพันธ์-กรกฎาคม 2564)

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) โทร 0-2645-9000และ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์