ปลัดคลัง ชี้คนละครึ่ง เฟส 3 แจกเงิน 3 พันบาท ไม่เพิ่มเป็น 6 พัน

คนละครึ่ง เฟส3

ปลัดคลัง ชี้คนละครึ่ง เฟส 3 แจกเงิน 3,000 บาท ยังไม่เพิ่มเป็น 6,000 บาท ส่วนเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการรอบใหม่ ต้องรอจบมาตรการช่วยเหลือก่อน

วันที่ 15 มิถุนายน 2564 นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรณีที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. มีความเห็นว่าควรเพิ่มวงเงินโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 (เฟส 3) เป็น 6,000 บาท เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง จากเดิมที่รัฐบาลจ่ายเงินในโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 จำนวน 3,000 บาทนั้น เรื่องนี้ยังไม่ได้มีการหารือกัน เนื่องจากพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน 500,000 ล้านบาท เพิ่งผ่านวุฒิสภา และการช่วยเหลือนั้นจะต้องครอบคลุมรวมถึงผู้ประกอบการด้วย ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาความช่วยเหลืออยู่

“ตอนนี้การลงทะเบียน คนละครึ่งเฟส 3 เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังคำนวณไว้ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ใช้สิทธิในโครงการนี้ประมาณ 31 ล้านคน โดยขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนมากกว่า 20 ล้านคนแล้ว โดยผู้ที่ผ่านเกณฑ์จะได้รับเงินใช้จ่าย 3,000 บาท เริ่มใช้จ่ายได้ 1 ก.ค.นี้ ซึ่งที่เหลือสามารถเลือกว่าจะเข้าร่วมโครงการไหนระหว่างคนละครึ่งและยิ่งใช้ยิ่งได้”

ส่วนมาตรการช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อเสริมสภาพคล่อง ช่วยรักษาระดับการจ้างงานนั้น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อพิจารณาออกมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีทั้งในระบบและนอกระบบที่ได้รับผลกระทบอยู่ ซึ่งขณะนี้มีการร่วมมือกันจากภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาวางแนวทางช่วยเหลือ

สำหรับการเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่เพื่อปรับปรุงฐานข้อมูลนั้น ขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)และสำนักงานปลัด กำลังกำหนดรูปแบบและหลักเกณฑ์ผู้ที่เข้าร่วมอยู่ ส่วนจะมีการเปิดลงทะเบียนใหม่ตอนไหนจะต้องรอดูเวลาที่เหมาะสมอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะเป็นหลังจากโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพของรัฐ เช่น เราชนะ คนละครึ่ง เป็นต้น ในช่วงโควิดเสร็จสิ้นเสียก่อน ถึงจะเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีกครั้ง เพราะใช้บุคคลากรกลุ่มเดียวกันเป็นผู้ดูแลโครงการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันมีผู้ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.65 ล้านคน โดยเริ่มมีการให้สวัสดิการตั้งแต่ปี 2561 ส่วนเกณฑ์การได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนั้น คาดว่าจะเพิ่มการพิจารณาคุณสมบัติจากรายได้ครัวเรือน จากที่ผ่านมาจะพิจารณารายได้รายบุคคลเท่านั้น


อย่างไรก็ตามในปีงบประมาณ 2564 (ต.ค. 2563-ก.ย. 2564) รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณให้กองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม เพื่อสนับสนุนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมทั้งสิ้น 49,500.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 9,500 ล้านบาท จากปีงบประมาณ 2563