STARK เตรียมขายหุ้นกู้ 2 ชุด ดอกเบี้ย 3.50%-3.90% เปิดจอง 30 ส.ค.-1 ก.ย.นี้

ตลาดหุ้น-1
ภาพ Pixabay

บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น หรือ STARK เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ 2 ชุด อายุ 2 ปี-3 ปี ชูอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.50%-3.90% ต่อปี เสนอขายผ่าน 5 สถาบันการเงินชั้นนำ ทริสเรทติ้งจัดอันดับความน่าเชื่อถือบริษัท BBB+ เดินหน้าระดมทุนต่อยอดธุรกิจ มุ่งสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิล เริ่มเปิดจองซื้อ 30 ส.ค.-1 ก.ย. 64

วันที่ 23 สิงหาคม 2564 นายประกรณ์ เมฆจำเริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ผู้นำด้านการผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมพร้อมเสนอขายหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2564 โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 2 ชุด แบ่งเป็น หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุหุ้นกู้ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.50% และหุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุหุ้นกู้ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.90% กำหนดชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้

โดยหุ้นกู้ STARK เปิดให้จองซื้อในระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม-1 กันยายน 2564 แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ กำหนดจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท ผู้ออกหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2564 อยู่ที่ระดับ “BBB+” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงตำแหน่งผู้นำของบริษัทในธุรกิจผลิตสายไฟฟ้าในทวีปเอเชีย

เสนอขายหุ้นกู้ผ่าน 5 สถาบันการเงินชั้นนำ ได้แก่

– ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน)-เสนอขายเฉพาะต่อผู้ลงทุนสถาบันเท่านั้น

– ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โดยบุคคลธรรมดาจองซื้อผ่านทางออนไลน์ (ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา)

– ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน)

– บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)

– บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอเชีย เวลท์ จำกัด

สำหรับวัตถุประสงค์การออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ บริษัทจะใช้ชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันทางการเงินหรือบริษัทในกลุ่ม รวมถึงใช้ชำระคืนตั๋วแลกเงินและหุ้นกู้ของบริษัทในกลุ่ม และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจของบริษัท

อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อว่าการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งแรกครั้งนี้ จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่เชื่อมั่นในศักยภาพการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจสายไฟฟ้าและสายเคเบิลมามากกว่า 50 ปี มุ่งเน้นการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและความปลอดภัยในระดับโลก ทำให้เป็นที่ยอมรับทั้งในภูมิภาคและทั่วโลกกว่า 40 ประเทศ ประกอบกับในปัจจุบันเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้นักลงทุนต้องการลงทุนในหุ้นกู้เพื่อรับผลตอบแทนจากดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอในระยะยาว และถือว่าเป็นผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝาก

ทั้งนี้บริษัทวางแผนงานและกลยุทธ์ที่จะสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านการผลิตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีเป้าหมายมุ่งสู่ผู้ผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิลขึ้นสู่ระดับ Top Ten ของโลก จากปัจจุบันอยู่อันดับที่ 14 สะท้อนให้เห็นว่า STARK เป็นหนึ่งในผู้ผลิตสายไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง

นอกจากนี้ การซื้อกิจการของบริษัทผู้ผลิตสายไฟฟ้าในประเทศเวียดนามยัง ช่วยเสริมให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัท จากแนวโน้มการเติบโตของอุปสงค์ด้านสายไฟฟ้าในประเทศเวียดนามนั้น มีทิศทางที่ดี หลังจากที่ได้ประเมินความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศที่มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยประมาณปีละ 10-11% ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอย่างไรก็ตาม เป้าหมายของ STARK ในการซื้อกิจการจึงไม่ใช่แค่ผู้ผลิตสายไฟฟ้าในต่างประเทศเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงบริษัทอื่น ๆ ที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานของธุรกิจผลิตสายไฟฟ้าและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าอีกด้วย