หุ้น SCB เปิดตลาดราคาพุ่ง 19.63% แตะระดับ 131 บาท

ธนาคารไทยพาณิชย์
FILE PHOTO: REUTERS/Athit Perawongmetha/

ราคาหุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ “SCB” เปิดตลาดเช้านี้ดีดตัวพุ่ง +19.63% จากวันก่อนหน้า แตะระดับ 131 บาท และขึ้นทำจุดสูงสุดที่ 137 บาท ด้าน “เอเซียพลัส” คงคำแนะนำซื้อ มองโมเดล Holding company ช่วยทำธุรกิจผ่อนคลายขึ้นกว่าเดิม คาดธุรกรรมแลกหุ้นแล้วเสร็จเดือน ก.พ.65 ประเมินเป้าระยะยาวเชิงบวก “CARD X-AUTO X” High Growth ปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 65 ที่ 136 บาท

วันที่ 23 กันยายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เปิดตลาดเช้านี้ดีดตัวขึ้นไปอยู่ที่ระดับราคา 131 บาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 21.5 บาท +19.63% จากวันก่อนหน้า โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นไป (ณ เวลา 10.06 น.) ทดสอบระดับจุดสูงสุดที่ 137 บาท โดยวันนี้ต้องติดตามว่าจะสามารถขึ้นไปทดสอบระดับ Ceiling ของวันนี้ที่ระดับ 142 บาท ได้หรือไม่

โดยวานนี้ SCB แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างองค์กรจาก SCB เป็น SCBX ในฐานะ Holding company ด้านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด รายงานว่า โมเดลนี้เชื่อว่าข้อจำกัดการบริหารงานผ่าน Holding company จะผ่อนคลายขึ้นกว่าเดิม ซึ่งมีรายละเอียดหลัก ๆ ดังนี้

1.จัดตั้ง บมจ. เอสซีบี เอกซ์ (SCBX) หรือบริษัทในฐานะ Holding company ภายหลังได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ถือหุ้น ทาง SCBX จะออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ (ทุนจดทะเบียน SCBX หลังแลกหุ้นกับ SCB จะอยู่ที่ราว 33,992 ล้านบาท พาร์ที่ 10 บาท คิดเป็นจำนวนหุ้นเท่าเดิม 3,399 ล้านหุ้น) เพื่อแลกกับหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิเดิมของ SCB ในอัตรา Swap Ratio ที่ 1:1 ทำให้ธนาคารไทยพาณิชย์จะเปลี่ยนมาเป็นบริษัทย่อยของ SCBX

ทางบริษัทคาดว่าส่วนนี้จะแล้วเสร็จ และหุ้น SCBX จะเข้าซื้อขายใหม่ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2565 หรือประมาณเดือน ก.พ. 65

2.โอนธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อไม่มีหลักประกัน (มูลหนี้ไตรมาส 2 ปี 64 ราว 1.2 แสนล้านบาท) ภายใต้บริษัทใหม่ CARD X รวมถึงบริษัทย่อยอื่น ๆ เช่น Robinhood ไปอยู่ภายใต้ SCBX พร้อมจัดตั้งบริษัทใหม่ เช่น AUTO X เพื่อรุกสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ระดับ MASS มากขึ้น รวมทั้งตั้ง VC กับกลุ่ม CP เพื่อลงทุนในเทคโนโลยีการเงินด้านต่าง ๆ

3.การจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากธนาคารไทยพาณิชย์ ไปยัง SCBX จำนวน 7 หมื่นล้านบาท จะเกิดขึ้นต่อเมื่อการเปลี่ยนผ่านเป็น SCBX แล้วเสร็จ และได้รับอนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดย 70% ของเงินปันผลระหว่างกาล (ราว 4.9 หมื่นล้านบาท) จะนำไปใช้เพื่อเป็นเงินสดในการลงทุนธุรกิจที่จัดตั้งใหม่ ส่วนที่เหลือ 30% (ราว 2.1 หมื่นล้านบาท คิดเป็นเงินสดต่อหุ้นราว 6 บาท) จะถูกนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน (Working capital) และที่เหลือจึงจ่ายให้กับผู้ถือหุ้นรายย่อย ซึ่งตรงนี้ยังขึ้นอยู่กับโอกาสลงทุนใหม่ในอนาคต จึงยังเป็นเรื่องที่ต้องตามต่อไป

ภาพรวมการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้เป้าหมายระยะยาวเป็นไปในเชิงบวก จากการเติบโตในธุรกิจที่มีศักยภาพ (High Growth และ High ROE) อย่างธุรกิจ CARD X และ AUTO X รวมถึงการเน้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีทางการเงินมากขึ้น เช่น Digital Asset (crypto exchange, ICO portal) คาดหวังการขยายตัวของกำไรในอนาคตราว 1.5 เท่า จากปัจจุบัน

พร้อมตั้งเป้าหมายมาร์เก็ตแคปราว 1 ล้านล้านบาทภายใน 5 ปีข้างหน้า ในความเห็นฝ่ายวิจัยแม้เป้าหมายทางการเงินค่อนข้างท้าทาย จากโครงสร้างกำไรหลังปรับโครงสร้างช่วงแรกยังคงมาจากธนาคารไทยพาณิชย์ราว 85-90% ส่วนอีก 10% มาจากธุรกิจที่โอนจากธนาคารไปยัง SCBX และธุรกิจจัดตั้งใหม่ ซึ่งคาดการณ์ต้องใช้เวลาถึงเห็นผลบวกต่อประมาณการ คงประมาณการกำไรปี 2564-2566

อย่างไรก็ดีเชื่อว่าระยะยาวจะเห็นพัฒนาการ ROE ที่ดีขึ้น จากการปรับโครงสร้างองค์กรไปทาง Digital มากขึ้นและการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ภายใต้วิธี GGM ปรับเพิ่ม ROE ระยะยาวเป็น 10% (เดิม 9.2%) ได้ PBV ที่ 0.99 เท่า (เดิม 0.89 เท่า) ปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 136 บาท (เดิม 122 บาท) จึงคงแนะนำ ซื้อ