คนละครึ่งเฟส 4 ลุ้นวงเงิน 1,500 บาท จ่ายมีนาคม 2565

คนละครึ่ง 1

กระทรวงการคลังเผยความคืบหน้าโครงการ “คนละครึ่งเฟส 4” รอปรับปรุงระบบ-ลุ้นวงเงิน หลังเฟส 3 สิ้นสุดโครงการเมื่อ 31 ธันวาคม 2564 

วันที่ 1 มกราคม 2565 นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าเกี่ยวกับโครงการคนละครึ่ง ซึ่งในเฟสที่ 3 ที่เดิมรัฐบาลอนุมัติให้คนละ 3,000 บาท และต่อมาในวันที่ 19 ตุลาคม 2564 อนุมัติให้อีก 1,500 บาท รวมเป็นเงิน 4,500 บาท ใช้สิทธิตั้งแต่เดือพฤศจิกายนถึงธันวาคม 2564 ได้สิ้นสุดลงแล้ว เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2564

โดยมีผู้ใช้สิทธิสะสมจำนวน 26.35 ล้านราย จากผู้ได้รับสิทธิจำนวน 27.98 ล้านราย และมีจำนวนผู้ใช้สิทธิครบ 4,500 บาท แล้วกว่า 10.87 ล้านราย

มียอดการใช้จ่ายสะสมรวม 223,921.8 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่ายสะสม 113,936 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 109,985.8 ล้านบาท และมียอดใช้จ่ายสะสมแบ่งตามประเภทตามร้านค้า ได้แก่

  • ร้านอาหารและเครื่องดื่ม 88,712.9 ล้านบาท
  • ร้านธงฟ้า 36,037 ล้านบาท
  • ร้าน OTOP 10,843.2 ล้านบาท
  • ร้านค้าทั่วไป 84,160.7 ล้านบาท
  • ร้านบริการ 3,900.1 ล้านบาท
  • กิจการขนส่งสาธารณะ 267.9 ล้านบาท

นอกจากนี้ นายพรชัย เผยด้วยว่า กระทรวงการคลังจะนำผลการดำเนินโครงการตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบ COVID-19 ปี 2564 พิจารณาปรับปรุงเพื่อออกแบบโครงการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในอนาคตต่อไป

ในขณะเดียวกัน จะมีการปรับปรุงระบบโครงการคนละครึ่งเพื่อรองรับการเปิดโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 ในช่วงเดือนมีนาคม 2565 อีกด้วย

ก่อนหน้านี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า มาตรการโครงการคนละครึ่งเฟส 4 จะเริ่มดำเนินการในช่วงวันที่ 1 มีนาคม ถึง 30 เมษายน 2565 หลังสิ้นสุดโครงการคนละครึ่งเฟส 3 โดยจะใช้วงเงินคงเหลือจากโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 ไปใช้ดำเนินการคนละครึ่งเฟส 4 ซึ่งระหว่างนี้ ยังต้องใช้เวลาปรับระบบ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา กระทรวงการคลังเผยว่า อยู่ระหว่างพิจารณาวงเงิน และระยะเวลาการใช้จ่ายที่จะมอบให้ประชาชน ผ่านโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 ซึ่งต้องหารือสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เกี่ยวกับวงเงินที่จะนำมาใช้ เนื่องจากตาม พ...กู้เงิน มีวงเงินเหลือเพียง 200,000 ล้านบาทเท่านั้น