คอลัมน์ : สถานีลงทุน ผู้เขียน : สวภพ ยนต์ศรี บลจ.ทิสโก้
เมื่อ 2 ปีที่แล้วจีนได้รับการยกย่องจากองค์การอนามัยโลกว่า ประสบความสำเร็จในการเอาชนะไวรัส COVID-19 ได้เป็นอย่างดี แต่หลังจากนั้นนโยบาย COVID Zero ของจีนก็กลายเป็นความแตกต่างอย่างมากจากมาตรการของชาติอื่น ๆ เนื่องจากประเทศอื่น ๆ ส่วนใหญ่ที่ประสบกับการระบาดที่เลวร้ายมากกว่า และมีจำนวนผู้เสียชีวิตที่สูงกว่านั้นเลือกที่จะเลิกใช้มาตรการรับมือที่เข้มงวดอย่าง lockdown เนื่องจากประชากรของประเทศอื่น ๆ ส่วนใหญ่ได้รับภูมิคุ้มกันในระดับสูงจากการติดเชื้อในครั้งก่อน
- “ทางรัฐ” ซูเปอร์แอปแห่งชาติ รองรับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
- กองทุนประกัน อนุมัติจ่ายเงิน 7.29 พันล้าน มี.ค.-เม.ย. รับรองมูลหนี้เพิ่ม 560 ล้าน
- BITE SIZE : ถอนเงินไม่ใช้บัตร ข้ามแบงก์ได้แล้ว ธนาคารไหนรองรับบ้าง
รวมถึงการได้รับวัคซีนที่มีประสิทธิภาพมากพอ จึงทำให้ชีวิตของประชากรในประเทศเหล่านั้นกลับคืนสู่วิถีชีวิตก่อนเกิดโรคระบาด
ในขณะที่รัฐบาลจีนนั้นเชื่อว่าวัคซีนเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอกับการรับมือกับไวรัส และจำเป็นต้องมีการควบคุมที่เข้มงวด
โดยก่อนหน้านี้ถึงแม้ประธานาธิบดี Xi Jinping จะออกมาให้คำมั่นที่จะพยายามลดผลกระทบทางเศรษฐกิจในการจัดการกับ COVID-19 แต่จำนวนผู้ติดเชื้อในเซี่ยงไฮ้ยังคงเพิ่มสูงขึ้น มาตรการ lockdown อย่างเข้มงวดจึงยังคงถูกนำมาใช้ จนส่งผลกระทบให้เริ่มเกิดความไม่พอใจในประชาชนที่อาศัยอยู่ในเซี่ยงไฮ้บางส่วน
รวมถึงกระทบมาถึงโลกของการลงทุนที่กังวลว่าการ lockdown จะส่งผลไปยังการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และทำให้เกิดคำถามตามมาว่า เมื่อไหร่นโยบาย COVID Zero ของจีนถึงจะยุติลงเสียที
ทำไมจีนถึงยังยึดติดกับนโยบาย COVID Zero ?
รัฐบาลจีนประเมินว่านโยบาย COVID Zero สามารถหลีกเลี่ยงการเสียชีวิตได้ 1 ล้านคน และลดการติดเชื้อได้ถึง 50 ล้านคน ที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 ในจีนเป็นจำนวนน้อยกว่า 5,000 ราย ซึ่งส่วนใหญ่คือในช่วงเริ่มต้นของการแพร่ระบาดของไวรัส ซึ่งเปรียบเทียบกับผู้เสียชีวิตมากกว่า 900,000 คนในสหรัฐ รัฐบาลจีนได้ใช้ตัวเลขเหล่านี้เพื่อแสดงถึงประสิทธิภาพของระบบการปกครองและวิธีการจัดการที่เหนือกว่า
นอกจากนี้ ที่ผ่านมา COVID Zero ยังช่วยให้เศรษฐกิจจีนสามารถเติบโตได้ ในขณะที่เศรษฐกิจหลักอื่น ๆ หดตัวในปี 2020 และการเติบโตยังคงสามารถดำเนินต่อเนื่องไปในปีที่แล้ว
ผลกระทบภายในประเทศเป็นอย่างไร ?
เนื่องจากไวรัสแพร่ระบาดมากขึ้น ส่งผลให้มีการ lockdown แบบฮาร์ดคอร์ โดยขอให้ประชาชนอยู่ที่บ้านและถูกห้ามไม่ให้ออกนอกเมือง ไม่กี่สัปดาห์ที่มาตรการดังกล่าวถูกนำมาใช้ได้นำไปสู่การขาดแคลนอาหารและการรักษาพยาบาล โดยปัจจุบันการ lockdown ในเซี่ยงไฮ้ยังคงต้องดำเนินต่อไป เนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้น จนถึงขณะนี้ยังโชคดีที่ไม่ได้มีการ lockdown ในปักกิ่งและเมืองอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ต้องเผชิญกับข้อจำกัดด้านการเดินทาง และกลัวว่าจะติดเชื้อได้หลีกเลี่ยงวันหยุดพักผ่อน ช็อปปิ้ง และรับประทานอาหารนอกบ้าน ซึ่งทำให้การใช้จ่ายของชาวจีนลดลง โดย Goldman Sachs Group ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของจีนในปีนี้ลง 0.5% จากมาตรการเข้มงวดที่ถูกนำมาใช้
อะไรคืออุปสรรคในการผ่อนคลายนโยบาย ?
เกือบ 90% ของประชากรจีนได้รับการฉีดวัคซีน แต่อัตราการฉีดวัคซีนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยสำหรับผู้สูงอายุ โดยมี 82% ของผู้ที่มีอายุระหว่าง 70-79 ปีได้รับวัคซีน และมีประมาณ 51% ของผู้ที่มีอายุมากกว่า 80 ปีได้รับวัคซีน
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของจีนได้ให้ความเห็นว่า การฉีดวัคซีนเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ เนื่องจากการติดเชื้อที่มีการแพร่ระบาดมากขึ้นเป็นเรื่องปกติ แม้กระทั่งกับการได้รับวัคซีนของตะวันตก นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งคาดการณ์ว่าจีนจะเผชิญกับ “การระบาดครั้งใหญ่” โดยมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 630,000 รายต่อวัน หากเปิดเมืองอย่างเต็มรูปแบบ
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ทางด้านการเมืองยังเชื่อว่าการเปลี่ยนวิธีรับมือกับไวรัส โดยให้ไวรัสแพร่ระบาดในประชากรกลุ่มใหญ่ อาจสร้างภาพที่ไม่ดีก่อนการประชุมระดับชาติของพรรคคอมมิวนิสต์ที่จะมีการเลือกประธานาธิบดี Xi Jinping ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีอีกสมัยในช่วงปลายปีนี้
แล้วจีนจะผ่อนคลายนโยบาย COVID Zero ได้อย่างไร ?
จีนยังคงไม่ได้ส่งสัญญาณใด ๆ ในการผ่อนคลายมาตรการดังกล่าว ถึงแม้การ lockdown จะเริ่มทำให้ประชากรที่ได้รับผลกระทบไม่พอใจและเริ่มมีการแสดงออกทาง social media แต่จีนเชื่อว่าการ lockdown ในบางเมืองนั้นทำให้มั่นใจได้ว่าผู้คนในส่วนที่เหลือของประเทศจะสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ตามปกติ
ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสของจีนได้กล่าวไว้เมื่อ มี.ค.ว่า จีนควรยึดมั่นในกลยุทธ์ของตนเองขณะปรับมาตรการบางอย่างเพื่อให้ตรงเป้าหมายมากขึ้น และจัดการกับสายพันธุ์ Omicron ได้ดีขึ้น
ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่านโยบาย COVID Zero จะสิ้นสุดลงในที่สุด เมื่อไวรัสแพร่ระบาดเกินกว่าจะควบคุมได้ ความเป็นไปได้อีกประการหนึ่ง คือ อาจมีสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้น ซึ่งอาการของการติดเชื้อไม่รุนแรงและทำให้รัฐบาลยอมผ่อนปรนนโยบาย
ซึ่งกว่าจะไปถึงจุดนั้นจีนน่าจะยังคงใช้มาตรการแบบเดิม โดยนักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นจีนน่าจะสามารถคาดหวังได้กับการออกนโยบายและมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน รวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ จากทางรัฐบาลจีนที่ออกมาลดผลกระทบมากกว่าการที่คาดหวังว่านโยบาย COVID Zero จะหายไป