น็อนแบงก์ กำไรพุ่งยกแผง แข่งเพิ่มสาขา ปั๊มยอดเงินกู้ รับเปิดประเทศ

ธุรกิจปล่อยกู้เบ่งบาน “น็อนแบงก์-ลีสซิ่ง” กำไรพุ่งยกแผง-เร่งขยายสาขารับเปิดประเทศ-เศรษฐกิจฟื้น “SAK” กำไรสุทธิโต 40% ลุยขยายเพิ่มอีก 60 แห่ง ขณะที่ “HENG” กำไรโต 9% โกยรายได้รวมขยายตัว28%

ปูพรมขยายสาขาครบ 638 สาขา ภายใน พ.ค.นี้ ฟาก “เงินติดล้อ” โชว์กำไรสุทธินิวไฮ 940 ล้านบาท โตกระฉูด 18% ปักธงปีนี้มี 6,500 สาขา ด้าน “MTC” อวด Q1/65 กำไรนิวไฮ 1,375 ล้านบาท เดินหน้าผุดสาขาให้ครบ 6,500 แห่ง-ปล่อยสินเชื่อเชิงรุก-มั่นใจปีนี้พอร์ตทะลุ 1 แสนล้านบาท

นายศิวพงศ์ บุญสาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SAK ผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อยเปิดเผยว่า ในไตรมาส 1/2565 บริษัทประสบความสำเร็จอย่างสูง

โดยพอร์ตสินเชื่อรวมอยู่ที่ 9,047 ล้านบาท เติบโต 33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YOY) มีกำไรสุทธิ 166 ล้านบาท เติบโต 40% YOY เนื่องจากสามารถบริหารจัดการคุณภาพพอร์ตลูกหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จากการพิจารณาการปล่อยสินเชื่อที่มีความรัดกุม สามารถควบคุมหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ให้อยู่ในระดับ 2.3% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม อีกทั้งรายได้รวมจากดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมและบริการ 524 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% YOY

“ส่วนแผนธุรกิจในไตรมาส 2 บริษัทเดินหน้าขยายสาขาเพิ่มอีก 60 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคตะวันตกจากแผนการขยายสาขา 210 แห่งในปี 2565 หรือรวมทั้งสิ้น 910 สาขา ซึ่งในช่วงไตรมาสแรกเปิดครบ 90 สาขา

และเตรียมเปิดให้บริการสินเชื่อโดรนเพื่อการเกษตร สอดรับกับฤดูกาลเพาะปลูกที่กำลังจะเริ่มขึ้นในปีนี้ ทั้งนี้ มั่นใจว่าแผนดำเนินธุรกิจของบริษัทในปีนี้ จะผลักดันพอร์ตสินเชื่อทั้งปีได้ตามเป้าหมายแตะ 11,380 ล้านบาท”

นางสุธารทิพย์ พิสิฐบัณฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล (HENG) กล่าวว่า ไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทยังรักษาอัตราการเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง

โดยพอร์ตสินเชื่อรวมเพิ่มเป็น 9,800 ล้านบาท หรือขยายตัว 7% จาก ณ สิ้นปี 2564 โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 461 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% YOY ซึ่งมีปัจจัยมาจากพอร์ตกลุ่มสินเชื่อที่มีหลักประกัน ยังขยายตัวได้ดี 7% โดยผลิตภัณฑ์สินเชื่อเช่าซื้อสำหรับลูกค้ารายย่อยที่ต้องการซื้อรถมือสอง เติบโต 5% คิดเป็น 5,763 ล้านบาท และพอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ เติบโตถึง 12% หรือคิดเป็น 3,280 ล้านบาท

“บริษัทได้เดินหน้าขยายสาขาการให้บริการแก่ลูกค้าเพิ่มขึ้นอีก 88 สาขา ส่งผลให้ ณ ไตรมาสแรก มีสาขารวม 617 แห่ง และมีเครือข่ายพันธมิตร
ผู้ประกอบการเต็นท์รถมือสอง ได้ช่วยสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัท”

อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจในช่วงต้นปีที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 และปัจจัยเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงทางธุรกิจ บริษัทจึงตั้งสำรองลูกหนี้สินเชื่อส่วนเพิ่ม (management overlay) เพื่อรองรับความเสี่ยงทางเครดิตที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน ทำให้มีกำไรสุทธิทำได้ 67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9%

ส่วนแนวโน้มการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปี 2565 นั้น นางสุธารทิพย์กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่ารายได้รวมจะขยายตัวต่อเนื่องหลังพอร์ตสินเชื่อเติบโตตามแผน รวมถึงแผนขยายสาขาใหม่ ๆ จะครบ 638 สาขา ภายในเดือน พ.ค.นี้ ซึ่งทำให้ความสามารถในการให้บริการสินเชื่อแก่ลูกค้าครอบคลุมเป็นวงกว้างมากขึ้น

และการนำเทคโนโลยีพิสูจน์ยืนยันตัวตน หรือ e-KYC ช่วยพิจารณาสินเชื่อ เพิ่มศักยภาพการควบคุมและบริหารจัดการคุณภาพลูกหนี้ได้ดีขึ้น ทำให้มั่นใจว่าปีนี้ NPLs จะปรับตัวลดลงเหลือ 3.1% ตามแผนที่วางไว้

นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) กล่าวว่า ไตรมาสแรกบริษัทมีกำไรสุทธิทำสถิติสูงสุดใหม่ และรายได้เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า

หลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และการเปิดประเทศต้อนรับชาวต่างชาติที่เดินทางมายังประเทศไทย โดยบริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 940 ล้านบาท เติบโต 18% YOY และสูงกว่าไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากความต้องการสินเชื่อและประกันภัยที่เพิ่มขึ้น

“ภาพรวมความต้องการสินเชื่อและประกันภัยในไตรมาส 2/2565 มีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้ผู้ประกอบการกลับมาดำเนินธุรกิจมากขึ้นส่งผลให้เกิดความต้องการใช้สินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องหรือรองรับการขยายธุรกิจ

โดยบริษัทมุ่งมั่นทำผลการดำเนินงานเติบโตตามเป้าหมาย และช่วยลดภาระแก่ผู้ที่ต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่ค่าครองชีพสูงขึ้นจากผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อและราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น และทรงตัวอยู่ในระดับสูง”

นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) กล่าวว่า MTC มีผลประกอบการไตรมาสแรกที่ทำสถิติ new high ได้อีกครั้ง โดยบริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 4,448 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.31% YOY มีกำไรสุทธิ 1,375 ล้านบาท

โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากยอดสินเชื่อคงค้างที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และในไตรมาสแรกของปีนี้ได้สร้างสถิติสูงสุดใหม่ โดยมีสินเชื่อคงค้างกว่า 98,612 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25,065 ล้านบาท หรือ 34.08% YOY ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 31 มี.ค. 2565 มีการเปิดสาขาใหม่เพิ่มเป็นจำนวน 362 สาขา ส่งผลให้บริษัทมีสาขา 6,161 สาขา กระจายทั่วประเทศ

“ปีนี้บริษัทวางแผนเปิดสาขาใหม่ 700 สาขา เมื่อรวมกับสาขาเดิมที่มีอยู่จะทำให้ภายในสิ้นปี 2565 จะมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 6,500 สาขา ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทที่มีจำนวนสาขา และลูกค้ามากที่สุดในประเทศไทย

เพื่อให้สามารถบริการแก่ผู้ที่ต้องการขอสินเชื่อได้อย่างทั่วถึงและกระจายในวงกว้างมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม จึงมั่นใจว่าปีนี้พอร์ตสินเชื่อจะมีการเติบโตประมาณ 30% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยในปีนี้ MTC ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อพุ่งแตะระดับ 100,000 ล้านบาท” นายชูชาติกล่าว